นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดปรับตัวลงรับแรงกดดันจากค่าเงินดอลล่าร์แข็งค่าขึ้น แม้ผลประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% แต่เป็นการปรับจุดยืนของเฟดให้เป็นกลางมากขึ้น จากก่อนหน้านี้ดำเนินนโยบายลักษณะแข็งกร้าวตรึงดอกเบี้ยยาว จึงเป็นปัจจัยหนุนต่อค่าเงินดอลลาร์ กดดันค่าเงินในภูมิภาคเอเชียอ่อนค่าลง กระทบต่อการชะลอตัวของเงินทุนต่างชาติไหลเข้า
ทั้งนี้ เนื่องด้วยนักลงทุนน่าจะกลับมาจับตาว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด โดยเราคาดว่า ธปท.จะเริ่มลดดอกเบี้ยได้ในเดือน ธ.ค.ที่ 0.25% มองว่าจะเป็นแรงหนุนต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ
ให้แนวรับไว้ที่ 1,425 จุด และแนวต้าน 1,445-1,450 จุด อย่างไรก็ตามหากไม่หลุดแนวดังกล่าวยังมองเป็นแกว่งไซด์เวย์อัพ
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (18 ก.ย.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,503.10 จุด ลดลง 103.08 จุด หรือ -0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,618.26 จุด ลดลง 16.32 จุด หรือ -0.29% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,573.30 จุด ลดลง 54.76 จุด หรือ -0.31%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 36,958.93 จุด เพิ่มขึ้น 578.76 จุด หรือ +1.59%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 17,633.93 จุด ลดลง 26.09 จุด หรือ -0.14% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 2,723.21 จุด เพิ่มขึ้น 5.93 จุด หรือ +0.22%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ก.ย.67) ที่ 1,435.77 จุด ลดลง 0.83 จุด (-0.06%) มูลค่าซื้อขาย 56,568.28 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (18 ก.ย.67) 3,483.13 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 70.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ก.ย.67) อยู่ที่ 2.55 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.51 อ่อนค่าตามภูมิภาค รับดอลลาร์กลับมาแข็งค่าหลังเฟดหั่นดอกเบี้ย 0.50%
- ส.อ.ท.ชี้พิษอุทกภัย-บาทแข็ง ฉุดดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม ส.ค.ลดลง ห่วงปัจจัยด้านลบจากสถานการณ์น้ำท่วม อุปสงค์ในประเทศชะลอตัว การปฏิเสธ สินเชื่อกลุ่มรถยนต์ ชง 5 ข้อเสนอ เร่งภาครัฐออกมาตรการเยียวยาภาคธุรกิจ คลอดแผนเยียวยาผลกระทบน้ำท่วม เสนอใช้มาตรการภาษี แนะรัฐบาลวางแผนแก้ปัญหาระยะยาว
- "คลัง" ส่งสัญญาณแบงก์ชาติลดดอกเบี้ย หลังเฟดหั่นดอกเบี้ย ธนาคารกลางสหรัฐ ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันพุธนี้ "คลัง" แนะไทย ควรขยับลงตามประเทศมหาอำนาจ ชี้เศรษฐกิจไทยเชื่อมโยงสหรัฐ ส่งผลเงินทุนไหลเข้าออก บล.ซีจีเอส ชี้ ผลประชุมเฟดสะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐ บล.เอเชีย พลัส หวังกนง.ลดดอกเบี้ยปีนี้อย่างน้อย 1 ครั้ง
- "พิพัฒน์" ยันเดินหน้าประชุมขึ้นค่าแรง 400 ศุกร์นี้ เมินนายจ้างเทซ้ำ ไม่หวั่นหากถูกฟ้องร้องภายหลัง ชี้มีมาตรการเยียวยา ประกาศพร้อมกัน 1 ต.ค.
- นายกฯ เรียกผู้ว่าฯ ททท. หารือแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวปี 68 ย้ำเม็ดเงินต้องกระจายลงทุกพื้นที่ ด้าน ผู้ว่าฯ ททท. เตรียมเสนอแผนท่องเที่ยว 1-2 สัปดาห์นี้ ให้นายกฯ รับทราบ พร้อมหนุนหาก "สรวงศ์" รื้อโครงการเราเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง
*หุ้นเด่นวันนี้
- BEM (คิงส์ฟอร์ด) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.30 บาท แนวโน้ม Q3/67 คาดกำไรปรับตัวขึ้นต่อจากจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสูงขึ้นช่วงเปิดภาคเรียน และ BEM ขึ้นค่าโดยสายสีน้ำเงินเฉลี่ย 1 บาท/เที่ยวตั้งแต่ 3 ก.ค.67 รวมถึงจะมีเงินปันผล TTW เข้ามา ส่วนการลงทุนรถไฟฟ้าสีส้มตะวันตกงานโยธา 9.6 หมื่นล้านบาท ระบบและขบวนรถมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท กำลังเริ่มโดยมีกำหนดเปิดบริการฝั่งตะวันออกก่อนปี 71 และเต็มสายตะวันตกด้วยในปี 73 คาดกำไรปี 67-68 ที่ 3.9 พันล้านบาท +12%Y%YOY และ 4.29 พันล้านบาท +11%YoY
- ITC (พาย) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 29.25 บาท ภาพรวม H2/67 ในแง่รายได้คาดว่าจะยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากการออกสินค้าใหม่ๆ รวมถึงปัญหาตู้สินค้าขาดแคลนผ่านพ้นไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค.ทำให้การส่งสินค้าตั้งแต่เดือน ส.ค. กลับสู่ระดับปกติ ล่าสุดผู้บริหารแจ้งว่างวด Q3/67 มีคำสั่งซื้อที่แน่นอนแล้วประมาณ 90% ของเป้าที่ตั้งว่าจะเติบโต 18-19%YoY
- AAV (กสิกรไทย) ซื้อ ราคาพื้นฐาน 3.22 บาท แนวโน้มผลประกอบการทิศทางค่อนข้างดีได้แรงหนุนจากหลายปัจจัย ทั้งอุตสาหกรรมการบินฟื้น จำนวนนักท่องเที่ยวและราคาตั๋วเพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายส่วนแบ่งตลาดในประเทศ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันลดลงและเงินบาทแข็งค่าส่งผลดีต่อโครงสร้างต้นทุนทั้งค่าใช้จ่ายน้ำมัน ค่าเช่าเครื่องบิน และค่าซ่อมบำรุง ประกอบกับสภาพการแข่งขันมีเสถียรภาพมากขึ้น อีกทั้งยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากฟื้นโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" เพิ่มโอกาสสร้างผลกำไรแข็งแกร่งช่วงไฮซีซั่น