นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT) กล่าวว่า จากความสำเร็จในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาทำให้โครงการสามย่านมิตรทาวน์ถึงจุดคุ้มทุน และสามารถคืนเงินกู้ได้ครบภายใน 3-4 ปีเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะใช่เวลา 10 ปี โดยปัจจุบันมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) เกือบ 10% อย่างไรก็ตาม และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สามย่านมิตรทาวน์ ได้มีการปรับค่าเช่าในส่วนของพื้นที่เช่าขึ้น 3-10% ตามอายุสัญญาของร้านค้า และเตรียมที่จะทยอยปรับค่าเช้าขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ในเร็วนี้ๆ
"สามย่านมิตรทาวน์" เป็นโครงการนำร่องของ FPT ในการพัฒนาโปรเจฌคต์มิกซ์ยูสบนถนนพระราม 4 ปัจจุบันสร้างรายได้จากค่าเช่า (สำนักงานเกรด A พื้นที่รีเทล โรงแรม และพื้นที่จัดแสดงงาน) ราวปีละ 1 พันล้านบาท หรือสัดส่วนรายได้ 10-15% ของรายได้รวม FPT ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ความสำเร็จด้วยการต้อนรับผู้คนไปแล้วกว่า 120 ล้านคน ยอดผู้เข้าใช้บริการต่อวันสูงถึง 80,000 คน อัตราการเช่าพื้นที่รีเทลสูงถึง 98% อาคารสำนักงานมีอัตราเช่า 97% สูงกว่าอัตราการเช่าเฉลี่ยในกลุ่มอาคารสำนักงานเกรด A ถึง 14.8%
ส่วนโรงแรม ทริปเปิ้ล วาย มีอัตราการเข้าพักมากกว่า 90% และคอนโดมิเนียมสิทธิการเช่าระยะยาว (Leasehold) ทริปเปิ้ล วาย เรสซิเด้นซ์ สามารถปิดการขาย 100% ทั้งโครงการตั้งแต่ปี 65 และปัจจุบันสามารถทำราคาขายต่อได้ 160,000 บาท/ตารางเมตร เพิ่มขึ้นกว่า 20% จากราคาเริ่มต้น
สำหรับพื้นที่จัดแสดงงานสามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ได้จัดอีเวนต์และงานประชุมต่างๆไปแล้วกว่า 500 งาน ครอบคลุมหลากหลายอุตสหกรรมทั้งจากภาครัฐ และภาคเอกชนมากมาย และพื้นที่รีเทลปัจจุบันมีอัตราการเช่ากส่า 90% ซึ่งยังคงมีผู้เช่าที่ต้องการเข้ามาเช้าพื้นที่รีเทลของสามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งเป็นหนึ่งสถานที่ที่ดึงดูดผู้คนเข้ามาใช้บริการ โดยเฉพาะนักศึกษา อาจารย์ และผู้คนที่ทำงานในมหาวิยาลัยจุฬาลงกรณ์
นายธนพล กล่าวว่า ด้านภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยยังเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้มากที่สุดของบริษัท แต่ยอมรับว่าขณะนี้เผชิญกับความท้าทายค่อนข้างมาก แม้ว่ายังมีความต้องการซื้อ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ติดปัญหาการขอสินเชื่อ เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนกดดันอย่างต่อเนื่อง และภาวะเศรษฐกิจผันผวน ส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ ทำให้สถาบันการเงินต่างเข้มงวดการให้สินเชื่อ ซึ่งจะเห็นว่าภาพของผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ต่างได้รับผลกระทบดังกล่าว จึงชะลอการเปิดโครงการใหม่ และเน้นการขายสินค้าที่มีอยู่ เช่นเดียวกับบริษัทที่เน้นขายโครงการในมือแทนการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ
อย่างไรก็ตาม ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมในส่วนของคลังสินค้าให้เช่ายังคงมีการดำเนินงานที่ดี และสร้างรายได้ประจำเข้ามาให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับโครงการมิกซ์ยูสทั้งออฟฟิศ รีเทล และโรงแรมในพอร์ตของบริษัทที่สร้างรายได้เข้ามาได้อย่างดีเช่นเดียวกัน