ธุรกิจสถานีบริการน้ำมันจัดเป็น Old Economy และกำลังถูกดิสรัปด้วยเทรนด์พลังงานสะอาด บมจ.ซัสโก้ (SUSCO) ซึ่งเปิดปั๊มน้ำมันซัสโก้มากว่า 47 ปีแล้วก็ตระหนักดีถึงข้อนี้ จึงตัดสินใจกระโดดเข้ามาในธุรกิจดีลเลอร์ขายรถยนต์ไฟฟ้า (รถอีวี) ของค่าย BYD ยักษ์ใหญ่เบอร์ต้นจากจีน เพื่อดำเนินธุรกิจคู่ขนานไปกับปั๊มน้ำมัน
นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ SUSCO กล่าวกับ "อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทเริ่มขายรถอีวีค่าย BYD ตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 66 ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก กวาดยอดขายได้ถึง 2,000 คัน และคาดว่าปีนี้ยอดขายจะเติบโตอย่างมากตามกระแสความนิยมยานยนต์ไฟฟ้าในยุคลดโลกร้อน และจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นมาก
สำหรับปีนี้บริษัทบริษัทคาดว่าจะทำยอดขายได้ราว 3,200 คัน โดยในช่วงครึ่งปีแรกมียอดขายราว 840 คัน เนื่องจากเผชิญกับปัญหาหลายด้าน โดยไตรมาสแรกภาวะเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว และปัญหาหนี้ครัวเรือนพุ่งปะทุขึ้นมา ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ ลูกค้าส่วนใหญ่จึงกู้ไม่ผ่าน
จากนั้นยอดขายเริ่มกระเตื้องในไตรมาส 2/67 หลังได้รับการกระตุ้นตลาดจากงานมอเตอร์โชว์ แต่ก็มาเผชิญกับสงครามราคาในตลาดรถอีวี ซึ่งค่าย BYD ยอมหั่นราคาขายลงมาอย่างมาก สร้างความไม่พอใจกับลูกค้าที่ซื้อก่อนหน้า ทำให้ยอดขายชะลอลง
แต่ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มค่อย ๆ ดีขึ้นในไตรมาส 3/67 และไตรมาส 4/67 ทาง BYD มีแผนเปิดตัวรถยนนั่งอีวีรุ่นใหม่ และรถตู้ ซึ่ง SUSCO เดินหน้าขยายโชว์รูมเพิ่มเป็น 12 แห่งเพื่อรองรับไว้แล้ว พร้อมทั้งลงทุนขยายแท่นชาร์จเพื่อให้ผู้ใช้รถอีวี BYD เกิดความมั่นใจ ขณะนี้มีจำนวน 20 แห่งตามสถานีบริการน้ำมันซัสโก้และจะเพิ่มเป็น 100 แห่งใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทมั่นใจว่าธุรกิจขายรถอีวี BYD จะกลับมาเติบโตได้ดีแน่นอน
นายชัยฤทธิ์ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจขายปลีกน้ำมัน ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ปีนี้ยอมรับว่ายอดขายในประเทศมีแนวโน้มหดตัวตามเศรษฐกิจ บริษัทจึงหันไปเน้นการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นราว 10-20% แต่หากในไตรมาส 3/67 บริษัทสามารถประคองธุรกิจไปได้ เชื่อว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/67 ที่เข้าช่วงไฮซีซั่นารเดินทางท่องเที่ยว ก็มีโอกาสที่จะผลักดันให้รายได้ในปีนี้เติบโตได้ราว 10% มาที่ 33,000 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทยังเดินหน้าตามแผนขยายสถานีบริการน้ำมัน 270 แห่ง ซึ่งได้ตั้งงบลงทุนไว้ราว 400 ล้านบาท ควบคู่กับการเพิ่มมูลค่าให้กับพื้นที่ภายในปั๊มน้ำมัน พัฒนาเป็นพื้นที่เช่าแบบคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีร้านอาหารและร้านกาแฟไว้ให้บริการ เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคนี้ รายได้จากส่วนนี้ก็จะเข้ามาเสริมธุรกิจขายน้ำมัน และเป็นรายได้ที่เข้ามาสม่ำเสมอ โดยปัจจุบันมีปั๊มน้ำมัน 2 แห่งที่พัฒนาในีรูปแบบใหม่ไปแล้ว คือที่พุทธบูชาและศรีนครินทร์ และในไตรมาส 3/67 จะเปิดที่ลำลูกกา และปิ่นเกล้าที่จะเป็น สาขา Flag ship
นายชัยฤทธิ์ กล่าวอีกว่า SUSCO มองเป้าหมายในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้าการปรับโครงสร้างธุรกิจจะทำให้บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจขายรถอีวีเพิ่มขึ้นเป็น 30% จาก 6% ในปัจจุบัน ขณะที่ธุรกิจน้ำมัน ซึ่งจะยังเป็นรายได้หลักคงปรับลดสัดส่วนลงมาเหลือ 65% และอีก 5% จะมาจากเป็นรายได้พื้นที่ให้เช่าภายในปั๊มน้ำมัน
*https://youtu.be/1GuVHofxwkA