สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (16 - 20 กันยายน 2567) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 381,281 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 76,256 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 18% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 48% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 183,711 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาล ที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 143,828 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 22,723 ล้านบาท หรือคิดเป็น 38% และ 6% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB27NA (อายุ 3.2 ปี) LB436A (อายุ 18.8 ปี) และ LB293A (อายุ 4.5 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 27,072 ล้านบาท 23,158 ล้านบาท และ 12,342 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) รุ่น SCB275A (AA+(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 1,682 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT261B (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 1,346 ล้านบาท และหุ้นกู้ของ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) รุ่น SPALI268A (Non-Rated) มูลค่าการซื้อขาย 1,214 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงประมาณ 4-7 bps. ในทิศทางเดียวกับผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) เมื่อวันที่ 17-18 ก.ย. มีมติ 11 ต่อ 1 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ตามการคาดการณ์ของตลาด สำหรับการคาดการณ์ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ และปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2567 มาอยู่ที่ระดับ 2.0% ลดลงจากคาดการณ์เดิมในเดือนมิ.ย.ว่าจะมีการขยายตัว 2.1% ด้านปัจจัยต่างประเทศโกลด์แมน แซคส์ และซิตี้กรุ๊ป ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2567 ลงสู่ระดับ 4.7% หลังจากจีนรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ในเดือนส.ค. ด้านผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เมื่อวันที่ 20 ก.ย. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.00% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของ นักวิเคราะห์ เช่นเดียวกับธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เมื่อวันที่ 20 ก.ย. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า BOJ อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกภายในสิ้นปีนี้
สัปดาห์ที่ผ่านมา (16 - 20 กันยายน 2567) กระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 9,976 ล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิ ในตราสารหนี้ระยะสั้น (ST) (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 787 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (LT) (อายุมากกว่า 1 ปี) 14,013 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 3,250 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price Index) เปลี่ยนเป็น ดัชนีหุ้นกู้เอกชน(MTM Corp Bond Gross Price Index) ตั้งแต่ ม.ค. 2565
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (16 - 20 ก.ย. 67) (9 - 13 ก.ย. 67) (%) (1 ม.ค. - 20 ก.ย. 67) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 381,280.70 465,819.05 -18.15% 13,609,965.53 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 76,256.14 93,163.81 -18.15% 76,892.46 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 105.39 104.88 0.49% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (MTM Corp Bond Gross Price Index) 106.97 106.86 0.10% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (20 ก.ย. 67) 2.22 2.26 2.26 2.12 2.18 2.47 2.73 3.15 สัปดาห์ก่อนหน้า (13 ก.ย. 67) 2.21 2.26 2.28 2.16 2.25 2.54 2.77 3.2 เปลี่ยนแปลง (basis point) 1 0 -2 -4 -7 -7 -4 -5