โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXTT) รับประโยชน์ปรับโครงสร้างด้วยการควบรวม บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (EK-chai) ผู้บริหาร Lotus's ทำให้เกิด Synergy ถึง 5 พันล้านบาทใน 3 ปี ลดความซ้ำซ้อนทั้งคนและค่าใช้จ่ายบริหาร ส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 67-68 โต 2 digit อีกทั้งจะได้รับผลบวกโครงการแจกเงินหมื่นเฟสแรกตั้งแต่ 25 ก.ย.
CPAXT เปลี่ยนชื่อเป็น CPAXTT โดยหยุดพักการซื้อขายหุ้นในช่วง 20 ก.ย.- 2 ต.ค.67 ก่อนจะเปิดเทรดอีกครั้งในชื่อใหม่ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.67
ราคาหุ้น CPAXTT ก่อนขึ้น SP อยู่ที่ 32.50 บาท (19 ก.ย.67)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) กรุงศรี ซื้อ 40.00 อินโนเวสท์เอกซ์ outperform 40.00 เคจีไอ outperform 39.00 หยวนต้า ซื้อ 37.00 ทิสโก้ ซื้อ 36.00 บัวหลวง ซื้อ 36.00
นักวิเคราะห์จาก บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การควบรวมเป็นบริษัทใหม่ CPAXTT จะทำให้เกิด Synergy ลดจำนวนคนซ้ำซ้อน และค่าใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการดำเนินงานถูกลง คาดว่าจะเกิด Synergy ราว 5 พันล้านบาทใน 3 ปีแรก โดยในแง่ต้นทุนจะสามารถลดลง 2.5 พันล้านบาท ทำให้กำไรสูงชึ้น และอีก 2.5 พันล้านบาทจะเป็นการลด Capex
แม้ว่ากำไรที่ผ่านมาไม่หวือหวา แต่หลังจากที่สามารถลดต้นทุนได้ จะทำให้ค่าใช้จ่ายในปี 67 ถึงปี 68 ลดลง โดยประมาณการกำไรสุทธิในปี 67 ที่ 10,592 ลบ. +20.7% yoy และปี 68 คาดกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 12,773 ลบ.+20.6%yoy
นอกจากนี้ หากมีการปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งประเมินว่าปีหน้าไทยน่าจะปรับลดดอกเบี้ย ก็จะช่วยให้ผลประกอบการดีขึ้นอีก เพราะบริษัทมีหนี้สินก่อนใหญ่ที่เกิดจากการเข้าซื้อโลตัส และส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้ ขณะที่โครงการแจกเงินหมื่นบาทจะเริ่มเฟสแรกในไตรมาส 4/67 ก็จะส่งผลดีต่อผลประกอบการในไตรมาส 4/67 และยังเป็น่ช่วงไฮซีซั่น คาดว่ากำไรในไตรมาส 4 น่าจะทำนิวไฮของปี
ทั้งนี้ แนะนำ"ซื้อ" เป้าหมาย 37 บาท
บล.กรุงศรี มอง "เป็นกลาง" ต่อความคืบหน้าการควบรวมกลุ่ม CPAXT เพราะเป็น Timeline เดิมอยู่แล้วไม่เหนือความคาดหมายเราและตลาด ทั้งนี้ หลังจำนวนหุ้นของบริษัทใหม่จะลดลงเล็กน้อยเหลือ 10,427.7 ล้านหุ้นจากปัจจุบัน 10,580.3 ล้านหุ้น เราคาดจะมีผลต่อราคาเปิดของหุ้น CPAXTT วันแรก (3ต.ค.67) ควรสูงกว่าราคาปิดก่อนหยุดเทรดชั่วคราว +1.5%
สิ่งที่ต้องติดตามหลังปรับโครงสร้างคือความคืบหน้าในการเกิด synergies โดยตอนต้นปีที่ผ่านมา ผู้บริหารประเมินการควบกิจการ CPAXT และ Ek-chai จะลดต้นทุนซ้ำซ้อนได้ 1% ของยอดขาย หรือคิดเป็นราว 5 พันลบ.ภายใน 2-3 ปี (แบ่งเป็นผ่านงบกำไรขาดทุนและงบลงทุนอย่างละ 50%) โดยคาดปี 67 ประหยัดต้นทุนนำเข้าได้ทันที 100 ลบ.ส่วนที่เหลือเกิดในช่วง 2 ปีถัดไป
ในขณะที่เรารวม synergies ในประมาณการราว 50% ของเป้าหมายของบริษัท โดยทยอยรับรู้ตั้งแต่ปี 68-70 คงคาดกำไรปกติปี 67 ที่ 1.09 หมื่นลบ.เพิ่มขึ้น +26%y-y โดยคาดครึ่งปีหลังจะเติบโตทั้ง y-y และ h-h
1) SSSG ที่บวกต่อเนื่อง โดย ก.ค.-ต้น ก.ย.67 ยังบวก +1-3% ทั้งธุรกิจค้าส่ง/ค้าปลีกไทยและ+3-5% สำหรับธุรกิจค้าปลีกในมาเลเซีย ส่วนไตรมาส 4/67 คาดจะเร่งขึ้นเพราะได้มาตรการกระตุ้นรัฐ 2) GPM ค้าปลีกดีขึ้นตามส่วนผสมขายอาหารสด, การบริหารต้นทุนดีขึ้นและฤดูท่องเที่ยว และ3) SG&A ค้าส่งจะขึ้นในอัตราต ลงหลังครบรอบปรับฐานขยายออนไลน์
แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 68 ก่อนและหลังควบบริษัทที่ 40 บาท และ 41 บาท ตามลำดับ เราชอบ CPAXTT ในมุมมองการเติบโตในระยะยาวที่จะได้อานิสงส์จากการปรับโครงสร้าง คาดเกิด synergies ราว 2.5 พันลบ.ใน 3 ปี หนุนการเติบโตกำไรปกติปี 68-70 เป็น +18%CAGR จากปี 65-67 โต +15%
ส่วน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า CPAXT เปลี่ยนชื่อย่อเป็น CPAXTT มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.67 เป็นต้นไป นอกจากนี้ บริษัทจะหยุดพักการซื้อขายหุ้น 9 วันทำการ จากวันที่ 20 ก.ย.-2 ต.ค.67
Newco จัดสรรหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นของ CPAXT และ Ek-Chai โดยกำหนดอัตราแลกหุ้นที่ 1 หุ้นเดิมของ CPAXT เป็น 0.5 หุ้นใน NewCo และ 1 หุ้นเดิมของ Ek-Chai เป็น 10 หุ้นใน NewCo ทั้งนี้ ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ NewCo จะอยู่ที่ 10,427 ล้านบาท แบ่งเป็น 10,427 ล้านหุ้น มูลค่าพาร์ 1 บาท โดยสรุปแล้ว จำนวนหุ้น NewCo จะลดลง 1.45% จากจำนวนหุ้นปัจจุบันที่ 10,580 ล้านหุ้น
การเปลี่ยนชื่อย่อและการหยุดพักการซื้อขายเป็นกระบวนการควบกิจการที่ไม่มีผลกระทบกับการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม จำนวนหุ้น NewCo ลดลงหลังควบรวมจะทำให้ EPS เพิ่มขึ้นประมาณ 1.45% เมื่ออิงตามประมาณการเดิม และเนื่องจากเรายังใช้ PER เท่าเดิม ดังนั้น ราคาเป้าหมายจึงจะเพิ่มขึ้น 1.45%
บริษัทคาดว่า synergy จากการควบรวมจะมีมูลค่าประมาณ 1% ของยอดขายรวม หรือ คิดเป็นเม็ดเงิน 5 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นอานิสงส์บางส่วน อย่างเช่นการประหยัดต้นทุนในช่วงปลายปีนี้หลังจากที่ควบกิจการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะที่น่าจะเห็นอานิสงส์อย่างเต็มที่ในปีหน้า ทั้งนี้ ประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรปีนี้ของเราที่ 19% และปีหน้าที่ 22% สะท้อนอานิสงส์จาก synergy ไปบางส่วนแล้ว
ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" และ ประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 68 ที่ 39.00 บาท อิงจาก PER ที่ 33.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่างหุ้นกลุ่มนี้ในประเทศไทยและในต่างประเทศ +1.5 S.D.) ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายหลังควบรวมจะอยู่ที่ 39.50 บาท อิงจาก PER และ ประมาณการกำไรเท่าเดิม