หุ้น KWH ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 1.88 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท(+4.44%) มูลค่าซื้อขาย 116.48 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ ผู้บริหารเชื่อเป็นผลงบไตรมาส 1/51 ออกมาสวย ราคาต่ำว่า BV ขณะที่อัตราเติบโตของรายได้สูง ตั้งเป้าปีนี้ทำรายได้แตะ 1 พันล้านบาท จาก 700 ล้านบาทในปี 50
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.51 หุ้น KWH ปิดที่ 1.80 บาท ลดลง 0.01 บาท(-2.17%)มูลค่าซื้อขาย 13.85 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 13 พ.ค.51 หุ้น KWH ปิดที่ 1.84 บาท เพิ่มขึ้น 0.39 บาท(+26.90%) มูลค่าซื้อขาย 67.65 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 12 พ.ค.51 หุ้น KWH ปิดที่ 1.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท(+1.40%) มูลค่าซื้อขาย 1.09 ล้านบาท
นายดิเรก ไมตรีบริรักษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.วิค แอนด์ ฮุคลันด์ (KWH) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ราคาหุ้น KWH ปรับตัวขึ้นมา 3 วันต่อเนื่องด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างหนาแน่น น่าจะเป็นผลจากที่บริษัทฯประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/51 พลิกเป็นมีกำไร เมื่อเทียบกับงวดเดียวกับของปีก่อน(2550)ที่มีผลขาดทุน
อนึ่ง ช่วงไตรมาส 1/51 KWH และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 29.56 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.10000 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 1.84 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.01000 บาท
นายดิเรก กล่าวว่า ก่อนที่ราคาหุ้น KWH จะปรับตัวขึ้นมาในระยะนี้ ราคาหุ้นจะอยู่แถวกว่า 1.40 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาหุ้นที่ต่ำกว่าราคาตามมูลค่าทางบัญชี(Book value)ที่ 1.70 บาท/หุ้น ดังนั้น จุดอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนเห็นว่าราคาหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ผลประกอบการมีอัตราเติบโตสูงขึ้นมาก ดังนั้น จึงตัดสินใจเข้ามาลงทุน
นอกจากนี้ บริษัทฯคาดว่าปี 51 มีโอกาสที่จะกลับมาจ่ายเงินปันผลได้อีกหลังจากที่ไม่ได้จ่ายเงินปันผลในปีที่แล้ว 50 โดยบริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 60% ของกำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายและตั้งสำรองต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว
ส่วนกระแสข่าวในห้องค้าหลักทรัพย์เช้านี้ที่ระบุว่า KWH อยู่ระหว่างเจรจาหาพันธมิตรใหม่นั้น นายดิเรก ไม่ปฏิเสธหรือตอบรับในประเด็นดังกล่าว โดยกล่าวเพียงว่า"เรื่องนี้ผมไม่ขอตอบ ซึ่งอาจเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้"
*เป้ารายได้ปีนี้ราว 1,000 ลบ. เล็งยอดผลิตเพิ่ม จากงบฯภาครัฐ
รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน KWH กล่าวว่า ในด้านผลประกอบการบริษัทฯคาดว่าในปี 51 จะมีรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท สูงกว่าปี 50 ที่มีรายได้กว่า 700 ล้านบาท โดยรับผลจากการคาดการณ์ว่ายอดการผลิตจะสูงขึ้นเป็น 1,000 ตันต่อเดือน เพิ่มขึ้นกว่าปี 50 ที่มียอดผลิตราว 400-500 ตัน/เดือน เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งให้อัตรากำไรสูง
และบริษัทฯยังคงวางงบลงทุนไว้เท่าเดิมเหมือนทุกปีที่ผ่านมากว่า 100 ล้านบาท ซึ่งงบฯนี้ไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้ให้หมดภายในปี ในอดีตที่ผ่านมาก็มีการใช้งบลงทุนไม่เต็ม เพราะการลงทุนของบริษัทฯจะพิจารณาถึงโอกาสและรายละเอียดต่าง ๆ ให้ดีก่อนที่จะเข้าไปลงทุน
"ปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมียอดการผลิตที่สูงขึ้น เฉลี่ยราวกว่า 1 พันตันต่อเดือน เนื่องจากคาดว่าจะได้งบฯของภาครัฐฯมากขึ้นด้วย เพราะปีที่แล้วมีงบฯรัฐฯเข้ามาน้อย ทำให้ยอดการผลิตมีแค่ 400-500 ตันต่อเดือนเท่านั้น อีกทั้งปีนี้คิดว่าจะขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศให้มากขึ้น เพราะงานในต่างประเทศให้มาร์จินดี และเก็บเงินได้ดีด้วย โดยคิดว่าจะขยายให้สูงกว่า 30% ซึ่งเป็นสัดส่วนลูกค้าจากต่างประเทศ ส่วนสัดส่วนลูกค้าในประเทศก็มีอยู่ประมาณ 70%"รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน KWH กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--