นายวิษณุ เทพเจริญ และนางศิริญา เทพเจริญ อดีตกรรมการ และผู้บริหาร บมจ.ณุศาศิริ (NUSA) ยังไม่คิดขายหุ้น NUSA ที่หลือถืออยู่ในมือกว่า 20% ออกไปเพราะราคาหุ้นยังต่ำ แต่ไม่คิดจะชิงอำนาจการบริหารกลับมา หลังจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ คือ กลุ่มของนายประเดช กิตติอิสรานนท์ และ บริษัท ธนาพาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด เข้าควบคุมอำนาจบริหาร และล่าสุดถูกคณะกรวมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษต่อ DSI กรณีทุจริต รวมทั้งแสดงเอกสารและข้อมูลเท็จ
"ยืนยันว่าจะยังไม่ขายหุ้น NUSA เพราะราคาหุ้นยังต่ำ หากกลุ่มผู้บริหารใหม่นำพาบริษัทให้เติบโตได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น แต่ถ้าทิศทางของ NUSA มีแนวโน้มไม่ดีก็อาจจะขายก็ได้ จะได้นำเงินมาใช้ทำธุรกิจส่วนตัวที่จะเปิดตัวในเดือนต.ค. เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับท่องเที่ยวและสุขภาพ แต่ก็จะไม่นำธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกแล้ว เพราะไม่เชื่อมั่นในกระบวนการของตลาดหลักทรัพย์ฯ และก.ล.ต. หลังจากที่ได้เผชิญมากับตัวเอง"นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษ ก็จะต่อสู้ด้วยการชี้แจงความโปร่งใสกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนำเอกสารชุดที่เคยยื่นให้กับก.ล.ต.ในการชี้แจงข้อมูลต่างๆ
สำหรับกรณีที่ถูกกล่าวโทษ คือ ธุรกรรมการเข้าลงทุนซื้อโรงแรม Panacee Grand Hotel Roemerbad ที่ประเทศเยอรมนี (Panacee) ในราคาที่สูงกว่าราคาประเมินอย่างไม่สมเหตุสมผลนั้น นายวิษณุ อ้างว่าพิจารณาด้วยความรอบคอบ แต่เอกสารการประเมินมูลค่า มี 2 ฉบับ ฉบับแรกประเมินในปี 61 มูลค่า 425 ล้านบาท และอีกฉบับประเมินปี 64 มูลค่า 740 บาท และเป็นฉบับที่ทาง NUSA ใช้ในการทำธุรกรรม จึงไม่ตรงกับเอกสารฉบับแรกเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการซื้อสินทรัพย์ไปเป็นการซื้อหุ้น และรวมมูลค่ารีโนเวท การได้มาของธุรกิจสุขภาพ รวมถึงแบรนด์ Panacee ส่วนข้อกล่าวหาว่าขายห้องชุดของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน นายวิษณุ ยอมรับว่าจริง แต่ขายได้กำไร เพราะเป็นการขายในช่วงวิกฤติโควิด ธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์หดตัว ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ การขายห้องชุดช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับ NUSA ราว 210 ล้านบาท จากต้นทุน 180 ล้านบาท โดยนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ 62 ล้านบาท คงเหลือเป็นกระแสเงินสด นอกจากนี้ NUSA ยังได้ปลดหลักประกันห้องชุดโครงการ Parc Exo อีก 456 ยูนิตที่มีมูลค่าทางบัญชีเกือบ 700 ล้านบาท