นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าลงทุนตามแผนขยายกำลังการผลิตเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร โดยจะใช้เงินทุน 1,000 ล้านบาท ขยายโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบเป็น 120 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง จากเดิม 60 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง, เพิ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์ในบริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด (NBD) ผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีนใช้บริโภคเพิ่มเป็น 600 ตันต่อวัน จากเดิม 300 ตันต่อวัน คาดว่าทั้งสองโครงการจะเริ่มเดินเครื่องจักรได้ต้นปี 68
การขยายกำลังผลิตเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบในไทยที่คาดว่าในปี 67-69 จะเติบโตเฉลี่ย 3%-5% ต่อปี ตามดีมานด์ของหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมอาหารที่มีแนวโน้มเติบโต 3-4% ต่อปีตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว, อุตสาหกรรมไบโอดีเซล คาดจะมีดีมานด์ 5-5.5 ล้านลิตรต่อวัน เติบโตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี ตามการใช้ยานยนต์ดีเซลในภาคขนส่งที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจ E-commerce เป็นต้น
PCE ยังเพิ่มการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบและไบโอดีเซลไปยังประเทศจีนและอินเดีย โดยมีเป้าหมายผลักดันสัดส่วนการทำตลาดต่างประเทศให้เพิ่มเป็น 50% ภายในปี 68 จาก 36% ซึ่งบริษัทมีศักยภาพและความพร้อม เพราะนอกจากจะเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร ยังมีบริการคลังสินค้า ท่าเทียบเรือ และให้บริการขนส่งสินค้าทางรถและทางเรือเอง สามารถส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศได้สะดวกรวดเร็วแบบ One Stop Service เป็นจุดเด่นและความได้เปรียบสำคัญ
นายประกิต ยังกล่าวถึงสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ เนื่องจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการค้ามีเป้าหมายใช้น้ำมันไบโอดีเซลในประเทศเพิ่มขึ้น จึงเรียกเก็บภาษีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธ์ไปจำหน่ายยังอินเดียและจีนในระดับสูง แต่ PCE ได้เปรียบตรงที่สามารถส่งออกน้ำมันปาล์มดิบไปยังอินเดียได้อย่างเสรี
ประกอบกับปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบของทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซียที่ส่งออกไปจำหน่ายในตลาดโลกมีไม่มากนัก สวนทางกับดีมานด์ที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกสูงขึ้นเช่นกัน ทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าว และเชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 ยังสามารถเติบโตได้ดี
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 คาดว่ารายได้จะเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และมั่นใจว่าทั้งปีจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในทุกภาคส่วนทั้งในและต่างประเทศตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ โดยในงวด 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) บริษัทมีรายได้รวม 12,921.47 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 211.97 ล้านบาท