บมจ.เมดีซ กรุ๊ป (MEDEZE) หุ้น Stem Cells สุดล้ำไม่ซ้ำใคร !! เสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 268,000,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 9.00 บาท เปิดธุรกิจใหม่ "เซลล์รากผม" และติดตั้งระบบ Robotic อัพสเกลธุรกิจ พร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 15 ต.ค.
"ทุกเซลล์ในร่างกาย เกิด แก่ ดับไป และสร้างขึ้นมาใหม่จาก Stem Cells ทั้งหมด ไม่ว่าจะอายุ 80 ปี 100 ปีก็ยังมี Stem Cells อยู่" นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมดีซ กรุ๊ป (MEDEZE) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์"
ดังนั้น MEDEZE จึงมองว่าเราทุกคนควรเก็บ Stem Cells ตอนอายุยังน้อย เพื่อตอนที่อายุมากขึ้นเราจะใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์มาเพิ่มจำนวนเซลล์ และนำกลับมาใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับความเสื่อมได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสมองเสื่อม ไตเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระจกตาเสื่อม ทุกอย่างที่เกี่ยวกับความเสื่อมใช้ได้ทั้งหมด
MEDEZE ประกอบธุรกิจมากว่า 14 ปี ในฐานะผู้ให้บริการตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) คิดเป็นสัดส่วนรายได้หลักราว 80% ซึ่งถ้าหากเป็นทารกจะเก็บ Stem Cells จากเลือดสายสะดือ-เนื้อเยื่อสายสะดือ แต่หากเป็นวัยผู้ใหญ่จะเก็บจากเนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งในประเทศไทยมีเพียง MEDEZE รายเดียวที่สามารถทำได้
ส่วนรายได้อีก 20% มาจากการตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน (NK Cells) ซึ่งมีหน้าที่กำจัดเซลล์ผิดปกติทั้งหมดในร่างกาย หาก NK Cells ที่มีอยู่ในร่างกายตกต่ำจะทำให้เรามีโอกาสติดเชื้อและป่วยง่าย โอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าคนปกติ เพราะฉะนั้นการตรวจศักยภาพของ NK Cells จึงมีความสำคัญต่อร่างกาย
นายแพทย์วีรพล กล่าวถึงแผนระดมทุนครั้งใหญ่นี้ว่า บริษัทต้องการลงทุนติดตั้งระบบการจัดเก็บเซลล์ด้วยหุ่นยนต์ (Robotic Cell Culture System) เพื่อทำให้กระบวนการจัดเก็บปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ลดความผิดพลาดจากมนุษย์ และลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ อีกทั้งระบบดังกล่าวจะทำงานแทนแรงงานคนได้มากถึง 3 เท่า จากปัจจุบันที่บริษัทมีความสามารถสูงสุดในการสกัดเลือด 2,880 เคส/ปี และสกัดเนื้อเยื่อ 4,560 เคส/ปี คาดว่าจะติดตั้งระบบแล้วเสร็จกลางปี 69
และเงินระดมทุนส่วนที่สองใช้สำหรับลงทุนธุรกิจเซลล์รากผม (Hair Follicle Cell Bank) ซึ่ง MEDEZE เป็นรายแรกของโลกที่สามารถผลิต Stem Cells จากรากผมขึ้นมาได้ เพื่อทำให้เส้นผมเพิ่มมากขึ้น เหมาะสำหรับลูกค้าที่มีปัญหาผมบาง เราไม่ได้คิดจะเข้ามาเป็นคู่แข่งกับใคร แต่ตั้งใจจะเข้าไปนำเสนอนวัตกรรมนี้ให้กับสถานพยาบาลหรือคลินิคปลูกผมต่าง ๆ และในปีหน้าที่เราจะเปิดตัวธุรกิจนี้ เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
"สัดส่วนรายได้ในช่วง 3-5 ปีจากนี้ ธุรกิจด้านเซลล์รากผมจะเข้ามาเป็น New S-curve ของเรา สัดส่วนน่าจะอยู่ที่ 20% ขณะที่การตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน (NK Cells) ก็น่าจะเติบโตขึ้นเป็น 30% เพราะทุกคนจะกังวลเรื่องการติดเชื้อไวรัส/มะเร็งมากขึ้น ส่วนที่เหลืออีก 50% ก็จะเป็นเรื่อง Stem Cells" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว
https://youtu.be/BLMCidfLJwM