หุ้น OKJ ปิดเทรดวันแรก 12.40 บาท สูงขึ้น 5.70 บาท หรือ 85.07% จากราคา IPO ที่ 6.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 4,678.91 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 10.10 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 12.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 10.10 บาท
นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่(OKJ) เปิดเผยว่า หุ้น OKJ เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมวดเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร อาหารและเครื่องดื่ม นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ที่จะเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตด้วยศักยภาพของบริษัทฯ และพื้นฐานการดำเนินธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Be Organic from Farm to Table เน้นวิถีเกษตรอินทรีย์ (Organic) ภายใต้แบรนด์ โอ้กะจู๋, Oh! Juice และ Ohkajhu Wrap & Roll
บริษัทฯ มีเป้าหมายสร้างการเติบโตในฐานะ King of Organic Salad ในประเทศไทย โดยให้ความสำคัญและมุ่งมั่นพัฒนาสูตรอาหารและเครื่องดื่มมาโดยตลอด เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี โดยใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์และความพร้อมด้านบุคลากรของฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้กลายเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มทำให้เมนูอาหารเพื่อสุขภาพมีรสชาติอร่อย แปลกใหม่ ทานง่าย ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและเพิ่มยอดขายให้บริษัทฯ ได้มากขึ้น โดยบริษัทฯ ใช้เวลาในการคิดค้นและออกเมนูหรือผลิตภัณฑ์ใหม่เพียงประมาณ 1-2 เดือน
OKJ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ในการพัฒนาธุรกิจและสร้างแบรนด์ใหม่ ๆ เพิ่มเติม รวมถึงการศึกษาและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อสร้าง New S-Curve โดยตั้งเป้าแผนดำเนินงานระยะ 5 ปี (67-71) จะขยายสาขาใหม่ทั้ง 3 แบรนด์ แบ่งเป็น แบรนด์ โอ้กะจู๋ เป็น 67 สาขา จากปัจจุบันที่มีร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full-service Restaurant) และร้านอาหารในรูปแบบ Deliver & Kiosk รวมทั้งสิ้น 37 สาขา, แบรนด์ Ohkajhu Wrap & Roll ให้ครบ 20 สาขา จากปัจจุบันมี 1 สาขา และแบรนด์ Oh Juice ให้ครบ 70 สาขา จากปัจจุบัน 8 สาขา ส่งผลให้มีสาขารวมทั้งสิ้น 157 สาขาภายในปี 71 เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ๆ รวมทั้งหัวเมืองหลักในภูมิภาคต่าง ๆ
นอกเหนือจากนั้น บริษัทฯ ยังวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่องทางต่าง ๆ ที่หลากหลายเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า ได้แก่ ร้านจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ (Delivery and Kiosk) เน้น Delivery และ Grab & Go, การให้บริการแบบ Drive Thru การบริการอาหารว่าง (Snack box) การสั่งอาหารทางออนไลน์ Food Delivery Platform ต่าง ๆ
ขณะเดียวกันได้รับการสนับสนุนจาก OR หนึ่งในผู้ถือหุ้นทางอ้อม ซึ่ง OR เป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพ ที่พร้อมส่งเสริมการเติบโตในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การขยายสาขาในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ในทำเลที่มีศักยภาพ (Strategic location) การนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ไปวางจำหน่ายผ่านร้าน Cafe Amazon
บริษัทฯ มีการวางจำหน่ายผลผลิตเกษตรอินทรีย์ เช่น ผัก สลัดพร้อมทาน ผ่าน Rimping Supermarket ใน จ.เชียงใหม่ และ Gourmet Market ในกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม OKJ ยังมีแผนในการเพิ่มบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอื่น ๆ เช่น การจำหน่ายและบริการวางแผนมื้ออาหาร (Meal plan) และการจัดเลี้ยง (Catering) ซึ่งตอบโจทย์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลง และความนิยมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในการทำเกษตรอินทรีย์ บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการวิจัยและพัฒนากระบวนการเพาะปลูกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต โดยได้ศึกษาและพัฒนาวิธีการเพาะปลูกให้เป็นเกษตรอินทรีย์เชิงอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตให้ได้ปริมาณที่ต้องการอย่างสม่ำเสมอ เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าในพื้นที่เพาะปลูกเท่าเดิม
บรัษัทจะใช้เงินระดมทุนมาลงทุนในระบบและอุปกรณ์ที่ได้ศึกษาและออกแบบไว้ คาดว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตได้อีกประมาณร้อยละ 300 จากปริมาณผลผลิตที่ได้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ได้มีกลยุทธ์ในการลงทุนและพัฒนาเครื่องจักร อุปกรณ์ และระบบสาธารณูปโภค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูก เช่น เครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์ เครื่องย้ายต้นกล้า เครื่องโปรยปุ๋ย รถไถพรวนดิน ระบบรดน้ำ เป็นต้น
ขณะเดียวกันยังมุ่งมั่นในการขยายเครือข่ายเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในการสรรหาผลผลิต รวมถึงเป็นการสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้แก่เกษตรกร อีกทั้งลดการใช้เคมี คืนผืนป่าและต้นน้ำให้แก่ชุมชน และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพผลผลิตที่ได้รับจากเครือข่ายเกษตรกร จึงมีแผนในการพัฒนาสถานที่ที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพ (In-house lab) จากผักที่รับซื้อจากเกษตรกรทุกรอบ สำหรับการใช้ในร้านอาหารรวมถึงการจำหน่ายภายใต้โครงการโอ้กาด และให้การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของบริษัทฯ เอง (Ohkajhu?s Certified) เพื่อให้มั่นใจว่าผักที่ซื้อจากเกษตรกรทั้งหมดจะเป็นผักออร์แกนิคที่ปราศจากสารพิษและสารเคมีตกค้าง
บริษัทฯ ได้เตรียมพัฒนาเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อเพิ่มผลผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) โดยมีแผนในการสร้างครัวกลางกรุงเทพฯ แห่งใหม่ ในโซนรังสิต จ.ปทุมธานี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเต็มรูปแบบได้ภายในไตรมาส 3/2568 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและเพิ่มสายการผลิตสินค้าใหม่ ๆ รวมถึงแผนพัฒนาเครื่องจักร อุปกรณ์ รวมถึงห้องล้างผัก และเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในครัวกลาง ระบบการบริหารจัดการวัตถุดิบสินค้าคงเหลือ และสำนักงาน เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต