บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) หุ้น Laggard play ลุ้นอัพไซด์รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว คาดรับประโยชน์มากจากสัดส่วนรายได้ธุรกิจในประเทศสูงสุดในกลุ่ม อีกทั้งไตรมาส 4/67 เข้าไฮซีซั่นหนุนต่ออัตราเข้าพักและรายได้ต่อห้องพัก (RevPAR) ปรับตัวขึ้น เก็งผลประกอบการโค้งสุดท้ายเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY
ขณะที่งวดไตรมาส 3/67 คาดยังคงแข็งแกร่ง แม้อัตราการเข้าพักจะลดลงเล็กน้อย กลังเกิดเหตุวางยาพิษในโรงแรม Grand Hyatt Erawan ในเดือนก.ค.67 แต่ถูกชดเชยจากราคาห้องพักที่เพิ่มขึ้น หนุน RevPAR เติบโตทั้ง QoQ และ YoY
และประเด็นล่าสุด ERW ดึง Lapis Hospitality เข้าร่วมทุน 700 ล้านบาทกลุ่มโรงแรม HOP INN เตรียมพร้อมผลักดันเข้าตลาดหุ้นภายในปี 2570 ตั้งเป้าขยายเครือข่ายโรงแรมเพิ่มอย่างน้อย 3 ประเทศใหม่ในเอเชียแปซิฟิก
ราคาหุ้น ERW ปิดเที่ยงวันนี้ 4.34 บาท ลดลง 0.02 บาท (-0.48%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 6.50 ยูโอบีฯ ซื้อ 6.50 ทิสโก้ ซื้อ 6.50 กรุงไทยฯ ซื้อ 5.90 หยวนต้า ซื้อ 5.10 ซีจีเอสไอ ซื้อ 5.00
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มอง ERW เป็นหุ้น Laggard play จากก่อนหน้าราคาหุ้นลงไปค่อนข้างมากจากผลกระทบเหตุการณ์วางยาพิษกลุ่มชาวต่างชาติในห้องพักโรงแรม Grand Hyatt ซึ่งเป็นโรงแรมที่สร้างรายได้หลักเมื่อเดือนก.ค.67 ทำให้อัตราการเข้าพักลดลง และการต่อสัญญาเช่าที่ดิน Grand Hyatt ล่าช้า ทำให้คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/67 น่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/67
แต่เนื่องด้วยมองผลกระทบเป็นเพียงระยะสั้น จึงคาดว่าอัตราการเข้าพักของ Grand Hyatt จะเข้าสู่ภาวะปกติในเดือนต.ค.นี้ และผู้บริหารยืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะดำเนินการขยายสัญญาเช่าระยะยาว และดำเนินกิจการโรงแรม Grand Hyatt ต่อไป จากที่ ERW ชี้แจงว่ามีเงื่อนไขในสัญญาเช่าเดิมห้ามเจ้าของที่ดินปฏิเสธการขยายสัญญาเช่า 20 ปี และนำไปให้ผู้ประกอบการรายอื่นเช่าที่ดินแทน ดังนั้น จึงเชื่อว่า ERW จะสามารถดำเนินการโรงแรม Grand Hyatt ต่อไปได้โดยไม่ขาดตอน
นอกจากนี้ ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จาก Golden Week เทศกาลหยุดยาวของจีนช่วง 1-7 ต.ค.67 หนุนอัตราการเข้าพักฟื้นตัว โดยจีน ถือเป็นลูกค้า Top5 ของ ERW อีกทั้งในไตรมาส 4/67 ไทยก็จะเริ่มเข้าสู่ไฮซีซั่นท่องเที่ยว รวมทั้งรัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะนำแคมเปญ "เราเที่ยวด้วยกัน" กลับมาใช้อีกครั้ง เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนต่อผลประกอบการไตรมาส 4/67 ให้เติบโตทั้ง QoQ และ YoY
ประเมินกำไรสุทธิทั้งปี 67 เติบโต 842 ล้านบาท คงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย 6.50 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดกำไรปกติของ ERW ไตรมาส 3/67 ที่ 128 ล้านบาท +2% q-q แต่ -12% y-y เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่พบกลุ่มชาวต่างชาติเสียชีวิตในห้องพักที่โรงแรม Grand Hyatt Erawan และดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น เราคาด RevPAR ของ Non-Hop Inn จะเพิ่มขึ้นเพียง 1-2% y-y ต่ำกว่า 9% y-y ในครึ่งแรกปี 67
ขณะที่เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 68-69 เล็กน้อยราว 3% เพื่อสะท้อนค่าปรับปรุงโรงแรม Grand Hyatt Erawan และปรับใช้ราคาเป้าหมายเป็นปี 68 ที่ 6.50 บาท
อย่างไรก็ดี การที่ Erawan Hop Inn ดึงพันธมิตรธุรกิจใหม่อย่าง Lapis Hospitality ที่มีแผน spin-off ปี 70 และระยะสั้นราคาหุ้นอาจ Overhang จากการต่อสัญญาระยะยาวของโรงแรม Grand Hyatt Erawan ที่ยังไม่ชัด แต่ยังคงแนะ "ซื้อ"
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เชื่อว่า ERW จะได้ประโยชน์มากที่สุด หากรัฐนำโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" กลับมาใช้อีกครั้ง เนื่องจากคาดว่าโรงแรมตั้งแต่ระดับ 3 ดาวขึ้นไปน่าจะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะนักท่องเที่ยวน่าจะอัพเกรดประสบการณ์การเดินทางหากได้รับส่วนลด โดยรายละเอียดของโครงการในเฟสก่อนหน้านี้ รัฐบาลสนับสนุนส่วนลดค่าที่พัก 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท/คืน และไม่เกิน 5-10 คืน/คน
ทั้งนี้ ไตรมาส 2/67 รายได้ของ ERW ราว 69% มาจากโรงแรมระดับ Luxury, ระดับกลางและ Economy (โรงแรมระดับ 3,4,5 ดาว)
ส่วนประมาณการไตรมาส 3/67 คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติจะอยู่ที่ 164 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +5% YoY และ +29% QoQ) จากคาดรายได้ต่อห้องพัก (RevPAR) โดยรวมอยู่ที่ 1,472 บาท/ห้อง/คืน เพิ่มขึ้น +3% YoY และ +2% QoQ แต่หากไม่รวมกลุ่มโรงแรม Budget บริษัทจะมี RevPAR เพิ่มขึ้น 7% YoY และ 6% QoQ จากอัตราค่าห้องพักที่สูงขึ้น
RevPAR ของ ERW คาดว่าจะยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งในไตรมาส 3/64 แม้จะมีเหตุวางยาพิษในโรงแรม Grand Hyatt Erawan โดยบริษัทแจ้งว่าเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้อัตราการเข้าพักโรงแรมลดลงเป็นตัวเลขสองหลัก แต่ปัจจุบันกลับมาอยู่ในระดับปกติแล้ว ขณะเดียวกันคาดว่าอัตราค่าห้องพักในไตรมาส 3/67 ของโรงแรม Non-budget ในไทยจะเพิ่มขึ้น 5-7% QoQ และโรงแรม Hop Inn ในไทยยังทรงตัว QoQ ต่างจากค่าห้องพักของโรงแรมในญี่ปุ่นที่คาดว่าจะลดลง 12% QoQ เป็น 2,798 บาท/คืน จากปัจจัยฤดูกาล
ยังแนะนำ "ซื้อ" พร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 5.00 บาท เพราะยังมองเชิงบวกต่ออปุสงค์การท่องเที่ยวภายในประเทศ และ RevPAR ของโรงแรมที่คาดจะเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ รับไฮซีซั่น และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น
บล.หยวนต้า ประเมิน ERW จะได้ประโยชน์โดยตรงจากประเด็น รมว.ท่องเที่ยวให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแนวคิดกระตุ้นการท่องเที่ยวใประเทศ หรือนำโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" กลับมาพิจารณา และอาจสานต่อนโยบายของรัฐบาลชุดก่อนเกี่ยวกับส่งเสริมการเที่ยวเมืองรอง เนื่องจาก ERW มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในไทยสูงราว 85-90% ของรายได้รวม ถือว่ามากสุดในกลุ่มโรงแรม ซึ่งนอกจากจะได้ Sentiment บวกจากการกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยและคนไทยเที่ยวไทยแล้ว บริษัทเป็นผู้เล่นที่มีโรงแรมอยู่ในเมืองรองมากที่สุด กลุ่มโรงแรม Budget Hotel หรือ Hop Inn(12% ของรายได้รวม) ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองรอง ขณะที่หุ้นโรงแรมรายอื่นส่วนใหญ่อยู่ในเมืองท่องเที่ยวหลัก
แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 3/67 คาดทรงตัว QoQ และเติบโต YoY ใกล้เคียงที่คาดไว้ก่อนหน้า จาก RevPar เฉลี่ยทั้งกลุ่มในเดือนก.ค.-ส.ค.67 เติบโตเล็กน้อยทั้ง QoQ และ YoY แบ่งตาม Segment ดังนี้
1.RevPar ของกลุ่มโรงแรมในไทย(ไม่รวม Hop Inn) +4% QoQ,+5% YoY เติบโตแม้เจอผลกระทบจากกรณีโรงแรม Grand Hyatt ERW กดดันให้ Occ.Rate ของกลุ่มโรงแรม Luxury ปรับตัวลงเล็กน้อย QoQ แต่ถูกชดเชยจากราคาห้องพัก (ADR) +6% QoQ และ +13%YoY
2.กลุ่มโรงแรม Hop Inn ในไทย RevPar ทรงตัว QoQ เพราะเป็น Segment ที่ได้รับผลกระทบจากฤดูกาลจำกัดแต่เพิ่มขึ้น 7% YoY จากการปรับขึ้น ADR
3.กลุ่มโรงแรมในฟิลิปปินส์ RevPar ทรงตัว QoQ และ YoY
4.กลุ่มโรงแรม Hop Inn ในญี่ปุ่นเข้า Low Season กดดันให้ RevPar-13% QoQ (เปิดดำเนินการครั้งแรกไตรมาส 1/67) โดยรวมแล้วตัวเลขการดำเนินงานไตรมาส 3/67 ยังอยู่ในกรอบคาดการณ์ ดังนั้นแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 3/67 คาดทรงตัว QoQ แต่เติบโตเล็กน้อย YoY ตามรายได้ และ GPM ที่ดีขึ้นเพียงพอชดเชยต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นได้
คงประมาณการปี 67-68 คาดกำไรปกติที่ 774 ล้านบาท (+8% YoY) และ 857 ล้านบาท (+11% YoY) และคงคำแนะนำ ซื้อ แต่ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 68 ที่ 5.10 บาทต่อหุ้น อิง EV/EBITDA Multiple ที่ 12 เท่า เทียบเท่า -1.5SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง5 ปี) ใน 1 เดือนที่ผ่านราคาหุ้น ERW +20% ใกล้เคียงกลุ่มท่องเที่ยว +17% แต่ต่ำกว่าตัวเทียบเคียงอย่าง CENTEL ที่+31% อย่างมีนัยสำคัญ
มองเป็นโอกาสในการ "ทยอยสะสม" ปัจจุบันหุ้นยังซื้อขายบน EV/EBITDA ปี 68 ที่ 11 เท่าหรือ -2SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี PreCOVID-19 เราคาดตลาดจะกลับมาให้น้ำหนักมากขึ้น และ Re rate Multiple ขึ้นเมื่อเข้าช่วง High Season ของการท่องเที่ยวในไตรมาส 4/67 สำหรับประเด็นเรื่องสัญญาเช่าโรงแรม Grand Hyatt ERW (15-20% ของรายได้) เราคาดตลาด Price in ค่าเช่าที่สูงขึ้น และแผนทยอยปิดรีโนเวทบางส่วนของ Grand Hyatt ตั้งแต่ไตรมาส 2/68 ไว้บนประมาณการปี 68 แล้ว