ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) (CGSI) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า S&P Plats และ Reuters รายงานว่าอิสราเอลอาจมุ่งโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของอิหร่าน เพื่อตอบโต้ที่อิหร่านยิงมิสไซล์ใส่อิสราเอล จากข้อมูลของ Energy Institute Statistical Review พบว่าโรงกลั่นของอิหร่านมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 2.6 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็น 2.5% ของกำลังการผลิตทั่วโลก และ 22.4% ของกำลังการผลิตในตะวันออกกลาง และมีการใช้กำลังการผลิตน้ำมัน/คอนเดนเสทเกือบ 100% ในสิ้นปี 66
ข้อมูลของ Facts Global Energy (FGE) แสดงให้เห็นว่าโรงกลั่นที่มีความสำคัญมากสุด คือ Persian Gulf Star (PGS) splitter เป็นโรงกลั่นใหม่ล่าสุดของอิหร่านเปิดดำเนินงานเมื่อปี 60-61 ซึ่งผลิตน้ำมันเบนซินป้อนตลาดในประเทศ 40% ช่วยให้อิหร่านสามารถพึ่งพาตนเองจากเดิมที่ผลิตไม่เพียงพอ ดังนั้น หากปิด PGS ก็จะส่งผลให้อิหร่านมีการผลิตน้ำมันเบนซินไม่พอใช้ในประเทศ และอาจต้องหยุดผลิต South Par Gas Complex (SPGS) ซึ่งเป็น condensate supplier ของ PGS เช่นกัน
นอกจากนี้ หากเกิดความเสียหายกับโรงกลั่นอื่น อิหร่านอาจประสบปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิงสำหรับใช้ในประเทศและการส่งออกด้วย โดย FGE ระบุว่าอิหร่านมีการส่งออก LPG (ก๊าซปิโตรเลียมเหลว) ราว 335kbd, ผลิตภัณฑ์ light distillates 150kbd, ผลิตภัณฑ์ middle distillate 185kbd และน้ำมันเตา 245k บาร์เรล/วันในปี 66
ข้อมูลของ Reuters แสดงให้เห็นว่า ราคาขายอย่างเป็นทางการ (OSP) ของน้ำมันดิบ Arab Extra Light (ARL) และ Arab Light (AL) ปรับขึ้น 0.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล MoM มาที่ 2.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลและ 2.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับสำหรับ cargo ที่ส่งไปเอเชียในเดือนพ.ย.67 แม้ว่า crude premium ของน้ำมันดิบ Murban จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันคือเพิ่มขึ้น 0.65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล MoM เป็น 1.93 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลเพราะแหล่งน้ำมัน 300kboe ใน UAE หยุดการผลิต แต่ OSP ของ ARL/AL ปรับขึ้นสูงกว่าที่คาดเล็กน้อย เนื่องจากอุปสงค์จากโรงกลั่นในเอเชียอ่อนตัว หลังมีการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ
ขณะที่ราคา Murban ในตลาด ICE Futures Abu Dhabi (IFAD) ปรับตัวลงเล็กน้อยเป็น 1.73 เหรียญ สหรัฐ/บาร์เรลในต้นเดือนต.ค.67 จึงน่าจะส่งสัญญาณว่า OSP ของ ARL/AL สำหรับ cargo เดือนธ.ค.67 อาจปรับตัวลง ยกเว้นว่าความตึงเครียดในตะวันออกกลางจะยกระดับขึ้น
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่า กรณีหากโรงกลั่นของอิหร่านได้รับความเสียหาย crack spread ของ HSFO (high sulphur fuel oil) และ LPG ในเอเชียอาจพุ่งสูงขึ้น แม้จะแค่ชั่วคราว ส่วน crack spread ของน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินในเอเชียน่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า เนื่องจากปริมาณการส่งออกจากอิหร่านค่อนข้างน้อยและอุปสงค์ในเอเชียอ่อนตัว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก crack spread ของน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินลดลงอย่างมีนัยสำคัญในเดือนก.ย.67 ค่าการกลั่นตลาด (GRM) ในไตรมาส 3/67 ของโรงกลั่นไทยจึงอาจไม่เพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำในไตรมาส 2/67 (ยกเว้น SPRC) อย่างที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับลงในเดือนส.ค.-ก.ย.67 จะทำให้ โรงกลั่นไทยมีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันสูง ซึ่งจะยิ่งกดดันผลประกอบการในไตรมาส 3/67
แต่ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดว่า crack spread ของน้ำมันดีเซลในเอเชียจะเพิ่มขึ้นเป็น 12.4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนต.ค.จาก 10.8 เหรียญสหรัฐ/ บาร์เรลในเดือนก.ย.67 เนื่องจากปริมาณสต๊อกในยุโรปลดลงและโรงกลั่นในเอเชียปรับลดกำลังการผลิต แต่ยังต้องรอดูว่าจะยั่งยืนหรือไม่
ดังนั้น จึงยังแนะนำ Neutral กลุ่มโรงกลั่นของไทยเพราะคาดว่า GRM จะอยู่ในช่วงกลางวงจรที่ 5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปี 68 โดย upside risk จะมาจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งกว่าคาดของน้ำมันดีเซล ส่วน downside risk จะมาจากขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันที่สูงกว่าคาด