นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) กล่าวว่า ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังเป็นสัญญาณบวก มั่นใจว่าไตรมาส 3/67 จะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ตามพอร์ตสินเชื่อที่ปัจจุบันใกล้แตะ 1 แสนล้านบาท ขณะที่ปัญหาเรื่องการขาดทุนจากรถยึดคลี่คลายลงมาสู่ระดับปกติแล้ว
"ที่ผ่านมามีการคลีนปัญหารถยึดมา 4 ไตรมาสแล้ว จากนี้ปริมาณของที่เราต้องการคลีนเกือบหมดแล้ว เมื่อราคารถมันก็ไม่ได้ลง และก็เหลือไม่มากเมื่อเทียบกับสี่ไตรมาสที่ผ่านมา จากนี้จะค่อยกลับสู่ภาวะปกติ...ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 lost on sale ที่น้อยลง บวกกับค่าใช้จ่ายที่เราตั้งใจประหยัด แม้รายได้จะไม่ได้เติบโตมาก แต่กำไรจะค่อย ๆ ดีขึ้น"นางสาวธิดา กล่าว
ปัจจุบัน พอร์ตสินเชื่อของ SAWAD ประกอบด้วย สินเชื่อจำนำทะเบียนมอเตอร์ไซค์ประมาณ 17% สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ 4 ล้อขึ้นไปประมาณ 25% สินเชื่อบ้านและที่ดินประมาณ 25% สินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่ 20-30% ที่เหลือเป็นสินเชื่ออื่น ๆ
ครึ่งหลังปี 67 บริษัทตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโต 10% พร้อมมั่นใจจะคุมหนี้เสียไม่เกิน 3.5% งานนี้ไม่ต้องขายหุ้นกู้เพิ่ม เพราะเงินสดเต็มกระเป๋าอยู่แล้ว พร้อมคาดการณ์ Credit cost ปีนี้จะอยู่ที่ 1.8-2% จากการปรับนโยบายอัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ที่ต่ำลง ซึ่งปัจจุบันเฉลี่ยที่ 40%
นางสาวธิดา กล่าวว่า การที่ภาครัฐเริ่มแจกเงิน 1 หมื่นบาทให้กับกลุ่มเปราะบางส่งผลดีต่อบริษัท โดยเฉพาะลูกหนี้ที่ได้รับเงินก็จะแบ่งมาจ่ายคืนหนี้บางส่วน ทำให้คุณภาพหนี้ดีขึ้น ไม่ได้ทำให้ความต้องการสินเชื่อลดลง เพราะเงินที่ได้รับ 1 หมื่นบาทไม่ได้สูงมาก อาจจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้เพียงบางส่วนเท่านั้น และทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีเงินจับจ่ายให้สอยมากขึ้น ยกตัวอย่างร้านขายของชำตามหมู่บ้านก็มียอดขายดีขึ้นมาก ก็มีส่วนทำให้มีความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น
ตัวเลข NPL เชื่อมั่นจะรักษาไว้ที่ 3.5% ณ สิ้นไตรมาส 2/67 ไม่ให้เกินนี้ โดยเหตุการณ์น้ำท่วมทางภาคเหนือบริษัทมีสัดส่วนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบไม่ถึง 1% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมด ขณะที่ในอีกด้านอาจจะเป็นโอกาสที่บริษัทจะนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อในช่วงซ่อมแซมฟื้นฟูหลังจากน้ำลดแล้ว ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ส่งพนักงานของสำนักงานสาขาในภาคเหนือเข้าไปให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ต่าง ๆ และดูแลผู้ที่ซื้อกรมธรรม์ประกันภัยผ่านโบรกเกอร์ของเราด้วย พร้อมกับสำรวจความต้องการของลูกค้าไปด้วย
สำหรับแนวโน้มปีหน้าคาดว่าความต้องการสินเชื่อยังสูง ขณะที่ต้นทุนทางการเงินแนวโน้มลด จึงน่าจะเป็นปีที่เติบโตได้ต่อเนื่องเบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 15% จากทั้งปีนี้มั่นใจว่าพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตราว 10-15% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจคาดว่าปีหน้าจะเติบโตได้ดีขึ้นกว่าปีนี้ ทำให้มีเม็ดเงินไหลเวียนในระบบบเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อหนี้เสียให้ลดลงไปด้วย