นายศุภทัต จินดาวนิช กรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมตะ คอร์ปอเรชั่น (META) ระบุว่าการที่บริษัทจะขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในบริษัท กรีนเอิร์ธพาวเวอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (GEPT) จำนวน 2,703,260 หุ้น หรือคิดเป็น 12% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ GEPT ให้แก่ บริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.เอเคเอส คอร์ปอเรชั่น (AKS) ในราคาทั้งสิ้น 750 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะลงนามในสัญญาในเดือน ต.ค.นี้ META จะนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) รวมถึงเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและเสถียรภาพของฐานะทางการเงินของบริษัทฯ
โดยเป็นเงินหมุนเวียนสำหรับธุรกิจและโครงการของบริษัทย่อยในระยะเวลา 2 ปี ดังนี้
- โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บิลิรัน ขนาดกำลังการติดตั้ง 25 เมกะวัตต์ ในประเทศฟิลิปปินส์
- โครงการรับเหมาติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) แบบ B2B ภายในประเทศ
- ธุรกิจการเงินผ่านบริษัทย่อย ได้แก่ 1) บริษัท โนว่า เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุน 2) บริษัท พิโก โซลูชั่นส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ประกอบธุรกิจการเงิน ประเภทการปล่อยสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด หรือ พิโกไฟแนนซ์ ภายใต้การกำกับของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 3) บริษัท โนว่า แคปปิตอล จำกัด ประกอบธุรกิจการเงินประเภทการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย
- ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท เมตะ เอส จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบในภาคตะวันออก รวมถึงการพัฒนาต่อยอดธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น ธุรกิจบริการต้อนรับ (Hospitality Business) และธุรกิจสุขภาพ (Wellness Business) เป็นต้น
นอกจากนี้ สำหรับโครงการที่ยังคงดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน บริษัท วินเทจ อีพีซี จำกัด (VEPC) และบริษัท วีทีอี อินเตอร์เนชันแนล คอนสตรัคชั่น จำกัด (VINTER) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยยังคงเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ประเทศเมียนมา เฟสที่ 2-4 กับ GEP (Myanmar) Company Limited (GEPM) ผู้ได้รับสัมปทานในการพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบูในเมียนมาต่อไป