โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เอเชียเอวิเอชั่น (AAV) ผู้ถือหุ้นใหญ่สายการบินไทยแอร์เอเชีย มองครึ่งปีหลังยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะไตรมาส 3/67 กำไรโตแข็งแกร่ง แม้อยู่ในช่วงโลว์ซีซั่นแต่ได้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่มส่งผลจำนวนผู้โดยสารโตราว 8-9% อีกทั้งยังได้อานิสงส์เงินบาทแข็งค่าอย่างมากดันกำไรอัตราแลกเปลี่ยน (FX) สูงกว่า 4 พันล้านบาท ขณะเดียวกันราคาน้ำมันอ่อนตัว
ส่วนในไตรมาส 4/67 เข้าไฮซีซั่นท่องเที่ยวช่วยส่งกำไรปกติขึ้นสู่จุดที่ดีที่สุดของปี คาดจำนวนผู้โดยสาร 5.5 ล้านคน ทำให้รายได้และกำไรปกติเติบโตขึ้นจากปีก่อน รายได้ตั๋วเฉลี่ยสูงขึ้น โดยคาดรายได้ปีนี้คาดว่าจะทะลุ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งมากกว่าในช่วงก่อนโควิด หรือปี 62
ราคาหุ้น AAV ปิดวันนี้ที่ 2.70 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดครั้งก่อน
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) บัวหลวง ซื้อ 5.00 หยวนต้า ซื้อ 3.70 กสิกรไทย Outperform 3.22 ดาโอ ซื้อ 3.20 ฟิลลิปฯ ซื้อ 3.18
นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินงานในไตรมาส 3/67 ของ AAV ยังเติบโตตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไทยเพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มจำนวนผู้โดยสารน่าจะเติบโต 8-9% yoy แต่อาจทรงตัวถึงลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 2/67 ที่ 4.97 ล้านคน เนื่องจากเป็นช่วง low season ในฤดูฝนของไทย แม้เดือน ก.ค.-ส.ค.จะเติบโตดี yoy แต่เดือน ก.ย.ปกติเป็นเดือนที่อ่อนสุดของปี
ไตรมาส 3/67 รายได้ค่าตั๋วเฉลี่ย/คนใกล้ 1,900 บาท ลดลงเล็กน้อยไตรมาสก่อน (qoq) แต่เติบโต 10-11%yoy ขณะที่รายได้เสริมต่อคนคาดทรงตัว qoq, yoy แถวๆ 400 บาท/คน ทำให้รายได้อ่อนตัวลงเล็กน้อย qoq แต่เติบโตดี yoy
ส่วนต้นทุนหลักน้ำมันลดลง 10% yoy และลดลง 8%qoq ที่ราว 92 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปริมาณการใช้น้ำมันสูงขึ้น yoy ทำให้ภาพรวมต้นทุนน้ำมันยังเพิ่มขึ้น yoy แต่ลดลง qoq
ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากส่งผลดีต่อต้นทุนอิงดอลลาร์ราว 60% และหนี้สินค่าเช่าเครื่องบินที่เป็นดอลลาร์ หากดูเงินบาทไตรมาส 2/67 ที่ 36.85 บาท/ดอลลาร์ กับ 32.45 บาท ณ 30 ก.ย.67 โดยทุก 1 บาทมีผลต่อบันทึกกำไร Fx ที่ 1 พันล้านบาท จึงคาดว่าจะมีบันทึกกำไร Fx สูงมาก ประเมิน AAV จะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 4 พันล้านบาทในไตรมาส 3/67
ส่วนในไตรมาส 4/67 จะมีกำไรปกติดีสุดของปี ทั้งผู้โดยสาร,รายได้ตั๋วเฉลี่ย/คนและรายได้เสริม/คน จะปรับตัวสูงขึ้นทั้งqoq และ yoy อีกทั้งมีการรับเครื่องบินใหม่ 1 ลำ เพิ่มเป็น 60 ลำเพื่อรองรับการเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศใหม่หลายเส้นทาง แต่อาจจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง แม้จะปรับขึ้นค่าตั๋วได้แต่คงไม่สามารถชดเชยได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ภาพรวมแนวโน้มกำไรปกติจะดีขึ้นทั้ง yoy และ qoq โดยตัวแปรที่จะส่งผลต่อกำไรสุทธิ คือ ค่าเงินบาท
ทั้งปี 67 ทาง AAV ยังคงเป้าผู้โดยสารที่ 20-21 ล้านคน เติบโต 6-11% และรายได้ขาย/บริการ เติบโต 20-23%
นายสยาม กล่าวว่า แม้จำนวนผู้โดยสารในปีนี้จะน้อยกว่าช่วงก่อนโควิดในปี 62 ที่มีผู้โดยสาร 22-23 ล้านคน แต่รายได้ตั๋วเฉลี่ยสูงขึ้น โดยในไตรมาส 2/67 ราคาตั๋วอยู่ที่ 1,920 บาท เทียบกับไตรมาส 2/62 ที่ 1,390 บาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 38% จึงคาดว่ารายได้ทั้งปี 67 จะอยู่ที่ 5.11 หมื่นล้านบาท เติบโต 24% จากปี 66 และสูงกว่าปี 62 ที่มีรายได้ 4.02 หมื่นล้านบาท ส่วนกำไรปกติคาดไว้ที่ 2,855 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ณ สิ้นไตรมาส 2/67 AAV ยังมีขาดทุนสะสม 9,046 ล้านบาท ดังนั้น คาดว่าใน 2-3 ปียังไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้
ด้าน บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า AAV น่าจะได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 67 คาดว่าจะมีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส 3/67 ขณะที่ฤดูกาลท่องเที่ยว พร้อมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงจะส่งผลให้ไตรมาส 4/67 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี
ในไตรมาส 3/67 ผลการดำเนินงานหลักดีขึ้น YoY และพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ โดย AAV มีแนวโน้มจะรายงานผลการดำเนินงานหลักปรับตัวดีขึ้น YoY ในไตรมาส 3/67 เราคาดการณ์เบื้องต้นว่าบริษัทจะรายงานขาดทุนหลักลดลง YoY เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมาที่ 4.9 ล้านราย หรือเพิ่มขึ้น 8% YoY , ค่าโดยสารเฉลี่ยสูงขึ้น (1,920 บาท/เที่ยว เพิ่มขึ้น 12% YoY), และต้นทุนน้ามันเชื้อเพลิงลดลง (96 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 14% YoY)
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผลประกอบการหลักในไตรมาส 3/67 อาจกลับไปเป็นขาดทุน QoQ เนื่องจากโดยปกติไตรมาส 3 จะเป็นไตรมาสที่ผลการดำเนินงานหลักอ่อนแอที่สุดตามปัจจัยฤดูกาล
สำหรับกำไรสุทธิเราคาดการณ์เบื้องต้นที่ 1.5-1.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการพลิกกลับ YoY และเพิ่มขึ้นอย่างมาก QoQ เนื่องจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าในไตรมาส 3/67
ฤดูกาลท่องเที่ยวของไทยจะหนุนจำนวนผู้โดยสารในไตรมาส 4/67 โดยปกติแล้วจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น QoQ ตามฤดูกาลในไตรมาส 4 ข้อมูลในช่วงก่อนโควิด (ปี 60-62) แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% QoQ และในไตรมาส 4/66 เพิ่มขึ้น 14% QoQ เราคาดว่าจำนวนผู้โดยสารของ AAV จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 11% QoQ ในไตรมาส 4 ระหว่างปี 60-62 (และเพิ่มขึ้น 12% QoQ ในไตรมาส 4/66)
สำหรับไตรมาส 4/67 เราคาดว่าบริษัทจะรายงานการเติบโตของจำนวนผู้โดยสาร 11% QoQ (7% YoY) มาอยู่ที่ 5.5 ล้านราย แข็งแกร่งกว่าช่วงก่อนโควิด และค่าโดยสารเฉลี่ยมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ในช่วงเวลาดังกล่าวเราคาดว่ารายได้ของ AAV ในไตรมาส 4/67 จะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งค่าและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง
เมื่อมองไปยังด้านต้นทุน ประมาณ 70% ของต้นทุนขายและบริการของบริษัท (น้ำมันเชื้อเพลิง,ค่าซ่อมบำรุง,และค่าเช่าเครื่องบิน) อยู่ในรูปแบบเหรียญสหรัฐ ต้นทุนการดำเนินงานของ AAV จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ ในไตรมาส 4/67 ในรูปแบบเงินบาท เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงคาดว่าจะลดลงทั้ง YoY และ QoQ (สอดคล้องกับน้ามันดิบที่มีแนวโน้มลดลงท่ามกลางอุปทานที่เพิ่มขึ้นแม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้นจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางก็ตาม) จะหนุนการเติบโตของกำไรหลักในไตรมาส 4/67 เนื่องจากต้นทุนน้ามันคิดเป็นประมาณ 40% ของต้นทุนขายและบริการของ AAV
เราคาดว่ากำไรหลักของ AAV ในไตรมาส 4/67จ ดีที่สุดในปี 67(เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ) จากการวิเคราะห์ของเรา ทุกๆ 1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลที่ราคาน้ามันเชื้อเพลิงต่ำกว่าสมมติฐานของเราที่ 95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จะคิดเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 68 ของเรา 5% และทุกๆ 0.50 บาทที่ค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่าที่เราคาด (ที่ 36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ) จะคิดเป็นอัพไซด์ 10% ต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 68
เราปรับเป้าหมายไปเป็น ณ สิ้นปี 68 ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 5 บาท อิงจาก PER ที่ 22 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในช่วงปี 60-62 (ก่อนโควิด)
บล.กสิกรไทย ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ Jet fuel มีโอกาสขยับลงเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เรามองว่า Jet fuel วันนี้อยู่ในระดับที่ไม่สูงมากที่ราว 90 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งจาก Sensitivity Analysis พบว่าทุกๆ การลดลงของราคาน้ำมัน Jet fuel 1 เหรียญ จะทำให้ AAV มีโอกาสสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นราว 130-150 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ เราคาดว่ากลุ่มสายการบินจะยังได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งค่า ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายบางราย เช่น ค่าน้ำมัน ค่าเช่าเครื่องบิน และค่าซ่อม ที่จ่ายในสกุลดอลลาร์สหรัฐ จะมีโอกาสถูกลงเช่นกัน อีกทั้งในไตรมาส 4/67 คาดว่าจะเข้า High season ของปี และจะสามารถทำกำไรในระดับสูงสุดของปีได้เช่นกัน
แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/67 แข็งแกร่ง แม้ว่าอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยวในประเทศ แต่เราคาดว่าเส้นทางบินระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอินเดีย น่าจะช่วยชดเชยผลกระทบเชิงลบจากโลว์ซีซั่นได้บ้าง ทั้งนี้ AAV ได้รับโควตาที่นั่งไปอินเดียเพิ่มเติม 5,000 ที่นั่งต่อสัปดาห์ในไตรมาส 3/67 คาดว่า AAV จะมีผู้โดยสาร 4.9 ล้านคนในไตรมาส 3/67 โดยมีค่าโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 1,850 บาท ขณะที่อัตราส่วนยอดขายตั๋วต่อการผลิตผู้โดยสาร (load factor) คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 89%
AAV รายงานราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยในไตรมาส 2/67 แข็งแกร่ง และคาดว่าราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยปี 68 จะยังคงอยู่ในระดับสูงจากอุปทานเครื่องบินที่ฟื้นตัวช้าจากการส่งมอบล่าช้า โดยเฉพาะเครื่องบินโบอิ้งรุ่น flagship อย่าง 737 MAX เราจึงคาดว่าจะไม่มีผู้เล่นรายใหม่ในตลาดภายในประเทศเร็วๆ นี้ และการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการสายการบินจะยังไม่เข้มข้นในปี 68
ทั้งนี้ บล.กสิกรไทย คาดการณ์กำไรปกติในปี 67 ที่ 3,183 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไรปกติ 306 ล้านบาท
https://youtu.be/bVLySSvALwA