นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีแพนเนล (CPANEL) กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าในการเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐมากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หลังจากที่การทยอยเบิกจ่ายงบประมาณรัฐชัดเจนขึ้น ทำให้โครงการค้างท่อของภาครัฐเริ่มทยอยออกมา เป็นโอกาสของบริษัทในการเข้าไปรับงานภาครัฐเข้ามาเสริม คาดว่าจะเข้าประมูลงานราว 200-300 ล้านบาท
โดยช่วงโค้งสุดท้ายของปีมีสัญญาณการเติบโตของงานกลุ่มโครงการภาครัฐอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่ต้องการผลักดันการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนความต้องการที่อยู่อาศัยแนวสูงในเมืองใหญ่ และแนวโน้มมีการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนมากขึ้น ผลักดันให้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างคุณภาพสูงเพิ่มขึ้น บริษัทจึงปรับกลยุทธ์เพื่อลดความผันผวน กระจายความเสี่ยง และรองรับการเติบโตในระยะยาว โดยมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าในกลุ่มภาครัฐ และหากได้รับงานเข้ามาจะทำให้สัดส่วนงานภาครัฐเพิ่มเป็น 40% จากเดิมที่มีเพียง 1% เพราะงานที่บริษัทรับในช่วงที่ผ่านมาเป็นงานภาคเอกชนเป็นหลัก
สำหรับงานภาคเอกชนในระยะนี้ยอมรับว่าชะลอตัวลง โดยเฉพาะงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยของภาคเอกชน เป็นไปตามการชะลอตัรของกำลังซื้อ และอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้ประกอบการชะลอการพัฒนาโครงการใหม่ โดยเฉพาะแนวราบที่จับกลุ่มลูกค้า Mass ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งปีหลังที่มีความท้าทาย แต่บริษัทยังพยายามทำรายได้ให้เป็นไปตามเป้าเติบโต 20% ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ราวที่ 1.41 พันล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้เข้ามา
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุน ประหยัดพลังงาน โดยจะเตรียมความพร้อมด้านกำลังการผลิตรองรับงานโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูง และงานโครงการภาครัฐ เปิดโอกาสสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่เป้าหมาย Carbon Neutral ในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมและลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้เหมาะสมกับสิ่งมีชีวิตบนโลก และดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
"CPANEL เป็นบริษัทผู้ผลิตแผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูปรายแรกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานCarbon Footprint Organization (CFO) ซึ่งเป็นจุดเด่นให้กับบริษัท และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันด้วยเช่นกัน"นายชาคริต กล่าว