นายทินพันธุ์ หวั่งหลี รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของ บมจ.ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล (TMAN) จำนวนไม่เกิน 102 ล้านหุ้น ที่ราคา 16.30 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วน P/E ที่ 15.6 เท่า หลังจากเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในระหว่างวันที่ 10-11 และ 15 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนรายย่อย เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบัน สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นถึงศักยภาพการสร้างความเติบโตในอนาคตของ TMAN โดยบริษัทพร้อมนำหุ้น TMAN เข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2567
"เวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเป็นปัจจัยการดำรงชีวิตของมนุษย์ ประกอบกับเทรนด์การดูแลสุขภาพของผู้บริโภคในเชิงป้องกันที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับทิศทางของทั่วโลก ตลอดจนการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นและจำนวนผู้สูงอายุที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากจาก 12.7 ล้านคนในปี 2565 เป็น 17.6 ล้านคนภายในปี 2573 จะผลักดันให้ดีมานด์ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ยาเพื่อการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่า ด้วยพื้นฐาน Ecosystem ที่แข็งแกร่งของ TMAN ที่เป็นผู้นำเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร ทั้งเป็นผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่าย เป็นเจ้าของแบรนด์เวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ รวม 226 แบรนด์ ด้วยความมุ่งมั่นก้าวสู่ผู้นำนวัตกรรมสุขภาพ จะทำให้กระแสความสนใจหุ้นของ TMAN ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี"
นายประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TMAN กล่าวว่า การเข้า SET เป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มศักยภาพและฐานะเงินทุน เพื่อรองรับแผนขยายลงทุนยกระดับเทคโนโลยีการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิต รวมทั้งการคิดค้น พัฒนาและวิจัยเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพนวัตกรรมใหม่ ภายใต้วิสัยทัศน์ "มุ่งมั่นขับเคลื่อนนวัตกรรมสุขภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน" และเป้าหมายก้าวสู่การเป็นผู้นำนวัตกรรมสุขภาพ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น
บริษัทวางลงทุนไม่เกิน 777.5 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1) โครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักร 8 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนโดยประมาณไม่เกิน 298.5 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.1) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร ลงทุนในเครื่องจักรสำหรับบรรจุผลิตภัณฑ์ในไลน์การผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรของโรงงานผลิต เฮเว่น เฮิร์บ จะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/67 1.2) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบันภายใต้บริษัท ที.แมน ฟาร์มา จำกัด คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/67 1.3) โครงการขยายส่วนงานวิจัยและพัฒนา ภายใต้การดำเนินการของบริษัท ที.แมน ฟาร์มา จำกัด โดยจะปรับปรุงพื้นที่โรงงานผลิตบางส่วนเป็นห้องปฏิบัติการ (Laboratory) วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/67 1.4) โครงการขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยบริษัท เฮเว่น เฮิร์บ จำกัด ได้ลงทุนเครื่องจักรใหม่และอยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยจะผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทของแข็ง (Solid Dosage Form) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/67 1.5) โครงการพัฒนาระบบงานขายบนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/67 1.6) โครงการซื้อเครื่องมือควบคุมคุณภาพการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบัน มีแผนลงทุนซื้อเครื่องตรวจจับโลหะ เครื่องวัดความคงตัว และเครื่องมือตรวจสอบเพื่อใช้ในการวิเคราะห์คุณภาพผลิตภัณฑ์ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/67 1.7) โครงการซื้อเครื่องมือควบคุมคุณภาพการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีแผนปรับปรุงสายการผลิตภายในโรงงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตามมาตรฐาน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/67 และ 1.8) โครงการก่อสร้างคลังสินค้าและอาคารสำนักงาน บริษัท เฮเว่น เฮิร์บ จำกัด รวมถึงการปรับปรุงที่ดินและติดตั้งระบบไฟฟ้า โดยสำหรับคลังสินค้า กลุ่มบริษัทฯ ดำเนินการก่อสร้างเรียบร้อยแล้วในเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา และสำหรับอาคารสำนักงาน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/67
2) โครงการลงทุนในอนาคตอีก 5 โครงการ ใช้งบลงทุนไม่เกิน 479.0 ล้านบาท ประกอบด้วย 2.1) โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ เพื่อรองรับจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของกลุ่มบริษัทฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/69 2.2) โครงการขยายกำลังการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบันครั้งที่ 1 โดยเป็นการลงทุนจัดสายการผลิตสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ตัวอย่างโดยเฉพาะ คาดแล้วเสร็จไตรมาส 4/68 2.3) โครงการลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) แล้วเสร็จในไตรมาส 3/67 2.4) โครงการปรับปรุงพื้นที่การผลิตยาแผนปัจจุบัน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/68 2.5) โครงการขยายกำลังการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบันครั้งที่ 2 อยู่ระหว่างศึกษาการลงทุน
"การระดมทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มฐานทุนของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่ง และเพิ่มขีดความสามารถของ Ecosystem ของกลุ่มบริษัทฯ รับกับการเติบโตในอนาคต ทั้งในการค้นคว้า วิจัยและพัฒนาเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ตลอดจนการยกระดับมาตรฐานการผลิตเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในระดับสากล โดยเราพร้อมขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศนำเสนอนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ มุ่งสร้างแบรนด์ให้ที่เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค และด้วยศักยภาพการขยายธุรกิจไปกว่า 22 ประเทศ จะผลักดันให้ TMAN เป็นบริษัทยาชั้นนำในระดับภูมิภาค และก้าวสู่ Global แบรนด์เติบโตอย่างยั่งยืน" นายประพล กล่าว