นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ หรือไซด์เวย์อัพ แต่อัพไซด์เริ่มจำกัด หลังจากเมื่อวานปรับขึ้นมาต่อเนื่อง รับปัจจัยเซอร์ไพร์สเชิงบวกต่อตลาดหุ้น จากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ย โดยมองว่ายังเป็นปัจจัยที่เป็น sentiment เชิงบวกให้กับตลาดหุ้นไทยได้ต่อ โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดมาช่วงเช้าวันนี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน โดยที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาส่งผลต่อทิศทางของตลาดหุ้น และปัจจัยภายในประเทศเองก็ยังไม่มีปัจจัยใหม่เพิ่มเติม หลังกนง.ปรับลดดอกเบี้ย
โดยให้แนวต้าน 1,490-1,500 จุด แนวรับ 1,465-1,475 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (16 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,077.70 จุด เพิ่มขึ้น 337.28 จุด หรือ +0.79%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,842.47 จุด เพิ่มขึ้น 27.21 จุด หรือ +0.47% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,367.08 จุด เพิ่มขึ้น 51.49 จุด หรือ +0.28%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 39,263.82 จุด เพิ่มขึ้น 83.52 จุด หรือ +0.21% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 20,471.99 จุด เพิ่มขึ้น 185.14 จุด หรือ +0.91% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,220.73 จุด เพิ่มขึ้น 17.78 จุด หรือ +0.56%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ต.ค.) ที่ 1,485.01 จุด เพิ่มขึ้น 19.98 จุด (+1.36%) มูลค่าซื้อขาย 77,184.13 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ (16 ต.ค.) 4,287.91 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.(16 ต.ค.) ลดลง 19 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 70.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ต.ค.) อยู่ที่ 3.17 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.20 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อย จับตาผลประชุม ECB-ราคาทอง-ทิศทาง Flow
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า "หนี้ครัวเรือนไทย" เริ่มชะลอการเติบโตลงนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ข้อมูลล่าสุด ณ ไตรมาส 2 ปี 2567 "ยอดคงค้างเงินกู้ยืมครัวเรือนไทย"อยู่ที่ 16.32 ล้านล้านบาท เติบโตเพียง 1.3% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็น อัตราเติบโตของหนี้ครัวเรือนที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มมีการเผยแพร่สถิติข้อมูลในปี 2546 และชะลอลงต่อเนื่องจากที่เติบโต 4.2% YoY ในไตรมาส 3 ปี 2565 โดยการชะลอลงยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนในช่วงดังกล่าว
- นายกสมาคมอาคารชุดไทย ชี้ กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% เป็นสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจ ภาคอสังหาฯปีนี้ให้ติดลบน้อยลง ทำดอกเบี้ยลดลงจะส่งผลทำให้เงินบาทอ่อนค่าช่วยให้ต่างชาติโอนเพิ่มขึ้นปลุกกำลังซื้อโค้งสุดท้ายหอการค้าไทย ชี้ลดดอกเบี้ย 0.25%เหมาะกับสถานการณ์เศรษฐกิจ เงินบาทไม่แข็งค่าเกินไปเอื้อต่อการส่งออกสรท.ขอบคุณที่ลดดอกเบี้ยคลายความกดดันช่วยลดต้นทุน
- ส.อ.ท.ชี้อุทกภัยดึงดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ลดต่อเนื่อง งวด ก.ย.อยู่ระดับ 87.1 กระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวม ถึง 30,000-50,000 ล้านบาท เสนอให้ ธปท.ดูแลอัตราแลกเปลี่ยน แนะรัฐผุดระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติเรียลไทม์
- กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง (VAYU1) ล็อกเป้าลงทุนเต็มวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ก่อนสิ้นปี 67 ย้ำลุยหุ้นไทยเป็นหลัก ส่วนแนวทางการเข้าซื้อจะวางเป็นไม้ รอจังหวะเหมาะสม และโฟกัสไปยังหุ้นที่กองทุนฯ ยังไม่ได้ถือหุ้นหรือถือในสัดส่วนที่ยังไม่มากนัก
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPN (พาย) ซื้อ ราคาเป้าหมาย 89.00 บาทภาพรวมการเปิดศูนย์การค้าใหม่ในช่วง 1-2 ปีอาจจะมีไม่มากนัก โดยมีความชัดเจนแล้วคือการเปิด Community mall ที่ถนนเทพรัตน ในปี 67 และเซ็นทรัลกระบี่ที่จะเปิด ต.ค. 68 และโครงการดุสิตเซ็นทรัลพาร์คที่จะทยอยเปิดในช่วง 2H68 (สำนักงานและห้าง) ซึ่งทางบริษัทมองว่าด้วยการเปิดที่ค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมาทำให้การหาพื้นที่ใหม่เริ่มยากขึ้นจึงมีการกลับมาปรับปรุงศูนย์ที่มีในปัจจุบันซึ่งจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงร้านค้าในศูนย์และส่งให้สามารถปรับค่าเช่าเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ และเซ็นทรัลรัตนาธิเบศน์
- CPALL (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 83 บาท โมเมนตัมกำไรปกติ 3Q67 คาดยังแข็งแกร่ง เบื้องต้นคาดที่ 5.9 พันล้านบาท -4% q-q, +38% y-y หนุนจาก SSSG ที่คาดเป็นบวก 3% ทั้ง 7-eleven Makro และ Lotus's ขณะที่ Margin คาดยังอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง เราคาดกำไรปกติปี 67-68 ที่ 2.45 หมื่นล้านบาท +35% y-y และ 2.77 หมื่นล้านบาท +13% y-y ตามลำดับ ราคาหุ้นปัจจุบันยังเทรด Valuation น่าสนใจที่ 2025PER ราว 21.4 เท่า คาดเป็นหนึ่งในเป้าหมายของ Flow ต่างชาติและกองทุน
- SAWAD (คิงส์ฟอร์ด) ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 38.50 บาท แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อ 2H67 มีโอกาสเติบโตได้มากกว่าช่วง 1H67 ที่ทำได้เพียง 0.4%YoY จากเป้าทั้งปีที่ 10-20% โดยจะมีปัจจัยบวกจากรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนการใช้จ่าย ขณะที่โครงการ Digital wallet เฟสแรกที่เปลี่ยนเป็นเงินสดจะช่วยให้ลูกหนี้มีความสามารถในการชำระหนี้ดีขึ้น ด้านปัญหาราคารถยนต์มือ 2 และขาดทุนจากการขายรถยึดน่าจะดีขึ้น ส่วน NPL ยังบริหารจัดการได้ไม่เกินเป้า 3.5% และต้นทุนทางการเงินมีโอกาสลดลงในระยะถัดไปจากการปรับลดดอกเบี้ยของแบงค์ชาติ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 5.3 พันล้านบาท +5%YoY และ 5.8 พันล้านบาท +11%YoY