นายภณภัทร เมฆาสุวรรณดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อินเตอร์รอแยล เอ็นจิเนียริ่ง (IROYAL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ซึ่งนับเป็นอีกก้าวของความสำเร็จที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อรับโอกาสทางธุรกิจ และมุ่งสู่การเป็นผู้นำในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และระบบวิศวกรรมที่มีลักษณะเฉพาะ ที่จะสร้างความมั่นคง และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตพลังงานไฟฟ้า พร้อมด้วยการขยายไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก โดยมุ่งขับเคลื่อนไปสู่ธุรกิจที่สร้างความยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตผ่าน 7 กลยุทธ์ ได้แก่
1. การขายโดยมุ่งเน้นการได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ให้บริการและการรับงานตรงจากลูกค้า โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญตั้งแต่กระบวนการคัดสรรผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทจากผู้ผลิตที่มีความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นๆ สำหรับการให้บริการ กลุ่มบริษัทให้บริการผ่านทีมงานขายที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทมีการประเมินความเสี่ยงของโครงการ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถส่งมอบงานได้ตามคุณภาพ ความถูกต้องครบถ้วนตามขอบเขตงาน และระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
2. เป็น One Stop Service ด้านการบริการจัดหาอุปกรณ์และโซลูชั่นในโรงไฟฟ้าและอุตสาหกรรมอื่นๆ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการสร้าง และรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว โดยมุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในการให้บริการรอบด้านและการตระหนักถึงการบริการที่จะสร้างประโยชน์แก่ลูกค้าอย่างยั่งยืนมากกว่าแค่การให้บริการทั่วไป
3. สร้างพันธมิตรทางธุรกิจเป็น Sole Distributors และ Exclusive dealers เนื่องจากผู้ผลิตเปรียบเสมือนหุ้นส่วนที่ต้องทำงานร่วมกันในระยะยาว โดยการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับผู้ผลิต เน้นการสร้างความไว้วางใจ ให้คุณค่าต่อกัน
4. พัฒนาศักยภาพของบุคลากรทุกส่วนงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อธำรงไว้ซึ่งทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า
5. บริหารจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ ไม่มีนโยบายในการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ล่วงหน้า และไม่มีผลิตภัณฑ์รอจำหน่าย โดยให้ความสำคัญตลอดกระบวนการจัดหาและติดตั้ง เพื่อการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการสูญเสียของผลิตภัณฑ์
6. ด้านความยั่งยืน โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรเพื่อให้สามารถแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างคุณค่าด้านเศรษฐกิจ ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของคนในองค์กร และสังคม
7. สร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขัน เพื่อสนับสนุนความสามารถในการแข่งขัน พร้อมต่อยอดการดำเนินธุรกิจให้บริการแบบครบวงจร
นางสาวประภาพรรณ ประภัทรโพธิพงศ์ กรรมการ IROYAL กล่าวว่า บริษัทฯ ถือเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านวิศวกรรม เพื่อจัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเฉพาะ โดยมีความเชี่ยวชาญในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบการผลิตของโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนานมากกว่า 40 ปี รวมถึงมีการบริหารสินค้าคงคลังในส่วนที่กลุ่มบริษัทจัดหาและจำหน่าย นอกจากนี้ มีบริษัทย่อยภายใต้ชื่อ บริษัท ซีนิท เพาเวอร์ ซิสเต็ม จำกัด (ZENITH) โดยถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ดำเนินธุรกิจที่สอดรับกับทิศทางของกลุ่มบริษัทฯ
โดยบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของตราผลิตภัณฑ์ชั้นนำในต่างประเทศ แต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบต่างๆ มากกว่า 22 ตราผลิตภัณฑ์ จนเป็นที่ยอมรับจากกลุ่มลูกค้าภาครัฐและเอกชนมาอย่างยาวนาน โดยปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ IROYAL ให้บริการจัดหาและจำหน่ายจะเน้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนกระบวนการผลิตหรือการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงสามารถลดผลกระทบหรือแก้ปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมได้ โดยปัจจุบันแบ่งผลิตภัณฑ์เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบเผาไหม้ (Combustion System) เช่น อุปกรณ์กำจัดเขม่าควัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า นอกจากนี้ จะมีอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนในระบบเผาไหม้ ทำหน้าที่ถ่ายเทความร้อนเพื่อเพิ่มพลังความร้อนที่ใช้ในระบบเผาไหม้ สามารถใช้ได้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น โรงกลั่นน้ำมันหรือโรงงานปิโตรเคมี
2. กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบจัดการของเสีย และไอเสีย (Flue Gas Management System) เช่น ระบบระบายอากาศ และพัดลมอุตสาหกรรม, อุปกรณ์ดักจับฝุ่นละอองชนิดไฟฟ้าสถิต อุปกรณ์ดักจับละอองน้ำ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบจัดการของเสียและไอเสียสามารถใช้ได้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น โรงงานปูนซีเมนต์ เป็นต้น
3. กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger System) เช่น แผงระบายความร้อน ซึ่งอยู่ในหอหล่อเย็นที่ทำหน้าที่ลดอุณหภูมิน้ำและวนกลับไปใช้ในโรงงานหรือระบบต่างๆ เป็นต้น
4. กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบอื่น ๆ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับระบบน้ำ เช่น เครื่องกรองอนุภาคระดับไมครอนในน้ำดิบปั๊มน้ำอุตสาหกรรม เป็นต้น และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบสำรองไฟฟ้าและพลังงาน เช่น เครื่องสำรองไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ที่สามารถใช้ในกลุ่มโรงแรม อาคารขนาดใหญ่ อาคารโรงพยาบาล หรือศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่
ขณะที่กลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีการทำงานของอุปกรณ์ เครื่องจักรตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมย่อมมีการเสื่อมสภาพลงตามการใช้งาน โดยบริษัทฯ จะเข้าศึกษาระบบและอุปกรณ์ของลูกค้า เพื่อพิจารณาว่าระบบของลูกค้าเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ชนิดใด ซึ่งแบ่งการให้บริการได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ 1. การให้บริการเชิงบำรุงรักษา เป็นการนำเสนออุปกรณ์ชนิดเดิมที่ลูกค้าใช้อยู่แล้ว โดยหากเป็นตราผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นตัวแทน บริษัทฯ ก็จะจัดหาอุปกรณ์ชนิดเดิมและให้บริการติดตั้งตามรอบอายุการใช้งานเพื่อบำรุงรักษาและป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการผลิต และ 2. การให้บริการเชิงพัฒนา เป็นการนำเสนออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อทดแทนผลิตภัณฑ์เดิม หรือนำเสนออุปกรณ์เสริมเพื่อติดตั้งเพิ่มเติมควบคู่กับอุปกรณ์เดิม รวมถึงการให้คำปรึกษา และร่วมกันพัฒนา ออกแบบ เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องในกระบวนการผลิต
นายนฤดล รัศมี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน IROYAL กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2564 - 2566) บริษัทฯ มีรายได้รวม 196.78 ล้านบาท 116.98 ล้านบาท และ 280.38 ล้านบาท ตามลำดับ โดย ณ ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายคิดเป็นสัดส่วน 54.51% ของรายได้จากการดำเนินงาน รายได้จากการขายพร้อมติดตั้ง 45.49% ของรายได้จากการดำเนินงาน
ทั้งนี้ ด้วยจุดเด่นของ IROYAL คือการมี Recurring income ในอัตราเฉลี่ยสูงถึง 50-60% ของรายได้จากการดำเนินงาน ซึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าหลักอย่างโรงไฟฟ้าที่ต้องมีกำหนดแผนซ่อมบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ และต้องอาศัยเทคโนโลยีเฉพาะ ทำให้ยากที่จะเปลี่ยนผู้ให้บริการ (High-switching costs) และคู่แข่งใหม่ ๆ ก็เข้ามาแข่งขันยากเช่นกัน (High barrier to entry)
ขณะที่กำไรสุทธิในงวด 3 ปี ทำได้ 35.36 ล้านบาท 27.94 ล้านบาท และ 72.22 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 17.97% 23.88% และ 25.76% ตามลำดับ โดยเพิ่มขึ้นเนื่องจากการบริหารต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนผลการดำเนินงานในงวดครึ่งแรกปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 118.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.07% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 110.38 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 44.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 22.42 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิ 37.77% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 20.32% ทั้งนี้ สาเหตุหลักมาจากกำไรขั้นต้น และอัตรากำไรขั้นต้นจากงานการขายดีขึ้น การส่งมอบผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ทั้งจำนวนรายการผลิตภัณฑ์ และปริมาณผลิตภัณฑ์ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน การบริหารต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายการบริหารที่มีประสิทธิภาพ