นายต่อลาภ ไชยเชาวน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) เปิดเผยว่า DOD ได้เริ่มทยอยส่งมอบผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลูต้า ไฟเบอร์ ชนิดชงดื่ม แคปซูล ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการคลินิกเสริมความงามแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ราย และยังอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 2-3 ราย โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าดังกล่าวเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทดังกล่าวมากขึ้น ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ของกลุ่มผู้ประกอบการคลินิกเสริมความงามเข้ามาให้ DOD ผลิตเพิ่มสูงขึ้น
"ด้วยเทรนด์การดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ประกอบกับช่องทางการตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะใน TikTok เข้าถึงผู้บริโภคได้ในวงกว้าง ส่งให้กลุ่มผู้ประกอบการคลินิกเสริมความงามหันมาขยายธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียโดยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง"
ด้วยแนวโน้มตลาดสุขภาพและความงามที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯมีกลุ่มลูกค้ารายใหม่เข้ามาร่วมพัฒนาเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในหลากหลายรูปแบบ อาทิ ชงดื่ม เม็ด เจลลี่ แคปซูล ตอกเม็ด โพรไบโอติค ซองกรอกปาก และ กัมมี่ เป็นต้น อันเนื่องมาจากบริษัทฯ มีจุดเด่นด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่มีศักยภาพในการค้นคว้าสูตรใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า และมีนวัตกรรมในการผลิตที่ทันสมัยทำให้สามารถส่งมอบสินค้าตามระยะเวลาที่ลูกค้ากำหนดได้ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มียอดออเดอร์ที่เข้ามาเฉลี่ยเดือนละ 60-70 SKUs แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์เดิมซึ่งเป็นยอดรีพีชประมาณ 55-60 SKUs และผลิตภัณฑ์ใหม่ประมาณ 5-10 SKUs
ดังนั้น บริษัทจึงเร่งการลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่ม ได้แก่ เครื่องจักรผลิตผลิตภัณฑ์รูปแบบกัมมี่ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ทันสมัย และมีกำลังการผลิตเฉลี่ยสูงถึง 1 ล้านชิ้นต่อเดือน เพื่อซัพพอร์ตลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ สำหรับเครื่องจักรดังกล่าวมีกำลังผลิตสูง ผลิตได้เร็วขึ้น ทำให้ปริมาณการผลิตทำได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เร่งขยายฐานการค้าปลีก (Retail Base) ภายใต้ บริษัท ออสเวลไลฟ์ จำกัด (AWL) ซึ่งดำเนินการจำหน่ายสินค้าภายใต้ แบรนด์ "Auswelllife" นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย และ บริษัท เอ เมตาเวิร์ส จำกัด (AMV) ซึ่งเป็นเรือธงในการสร้างยอดขายให้กับกลุ่มบริษัท DOD
สำหรับภาพรวมการเติบโตในปีนี้มี บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากฐานการผลิต (Production Base) ประมาณ 500-600 ล้านบาท และรายได้จากฐานการค้าปลีก (Retail Base) ประมาณ 400-500 ล้านบาท
ส่วนกรณีความคืบหน้าการร่วมมือกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และ บริษัท พรีซิชั่น เอ็กซ์ จำกัด เพื่อผลักดันให้เกิดการนำผลงานวิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีอาหาร ด้านการแพทย์และสุขภาพไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงการพัฒนาผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์โพรไบโอติกร่วมกันว่าจะผลิตออกมาจำหน่ายในในรูปแบบใด ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเป็นการนำร่องในการผลิตเชิงพาณิชย์และขยายสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญเบอร์ 1 ในด้านจุลินทรีย์โพรไบโอติก
สำหรับการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ DOD จะมุ่งส่งเสริมการใช้ศักยภาพ ด้านห้องปฏิบัติการ โรงงานนำทาง และโครงสร้างพื้นฐานระบบการผลิต ในการผลักดันผลงานวิจัยของ วว. ให้เป็นสินค้าสู่ตลาดโลก รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการวิจัยและพัฒนา การบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม การสร้างและบริหารธุรกิจนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างความเชี่ยวชาญ และเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากร ทั้งนี้เพื่อรองรับการพัฒนาความร่วมมือดังกล่าว บริษัทฯจึงมีแผนขยายไลน์การผลิตผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกเพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ต่อไปในอนาคต