นายตารุณ คูมาร์ ดากา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 67/68 (ต.ค. 67 - มี.ค. 68) ในส่วนของปริมาณการขายเหล็กที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกที่ทำได้ 589,000 ตัน จากอานิสงส์ของยอดขายเหล็กในประเทศไทย คาดหวังจะเริ่มเห็นการผลักดันการลงทุนของโครงการภาครัฐออกมามากจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีจากครึ่งปีแรกที่ชะลอการเบิกจ่าย
ขณะเดียวกัน พื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมาคาดว่าจะเห็นการซ่อมแซมและปรับปรุงอาคารบ้านเรือน ทำให้มีความต้องการใช้เหล็กเพิ่มขึ้น และภาครัฐได้มีการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย และใช้งบประมาณปรับปรุงถนนและสิ่งปลูกสร้างที่พังเสียหาย ส่งผลบวกต่อความต้องการใช้เหล็กที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
"ปัจจัยในประเทศเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักที่เข้ามาช่วยชดเชยการชะลอตัวของความต้องการใช้เหลึกในประเทศจีนที่ปรับตัวลง จากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นกลับมา" กรรมการผู้จัดการใหญ่ TSTH กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะยังมีความท้าทายจากปัจจัยภายนอกอยู่ค่อนข้างมาก ซึ่งเข้ามากระทบภาพรวมของเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ แต่บริษัทยังมั่นใจว่าปริมาณการขายเหล็กในปี 67/68 จะยังทำได้ตามเป้าหมายที่ 1.12 ล้านตัน แต่อาจจะมีปัจจัยกดดันในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนหลังจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ผลการดำเนินงานในรูปของเงินบาทที่ได้รับผลกระทบอยู่บ้าง
ขณะที่ในปี 68 ยังคงต้องรอติดตามในส่วนของภาพเศรษฐกิจโดยรวม แม้ว่าปัจจุบันทิศทางดอกเบี้ยจะเริ่มเห็นการปรับตัวลดลง แต่ภาพของการบริโภคยังไม่ฟื้นกลับมา โดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่าง จีน ที่เศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะชะลอตัว ส่งผลต่อกำลังซื้อชะลอตัว และมีผลต่อการลงทุนที่ชะลอตามไปด้วย ประกอบกับยังต้องรอติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งมีผลต่อนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และมีผลต่อการเตรียมกลยุทธ์ของบริษัทในปีหน้าด้วยเช่นกัน