นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) คาดว่ายอดขายในไตรมาส 2 จะเติบโตก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับยอดขายไตรมาส 1 ที่ 2.5 พันล้านบาท เนื่องจากการเปิดโครงการพระราม 9 ที่มีมูลค่าโครงการรวม 5 พันล้านบาท มีราคาขายต่อหน่วยสูง 1.8 ล้านบาท ซึ่งสูงเมื่อเทียบกับราคาต่อหน่วยในไตรมาส 1 เฉลี่ย 1-1.2 ล้านบาท
ขณะที่งานในมือ (Backlog) เชื่อว่าจะสามารถทยอยรับรู้ได้หมดในช่วงไตรมาสที่เหลือ โดยไตรมาสที่ 1 มียอดรับรู้รายได้ที่ 1.2 พันล้านบาท จาก Backlog ที่ตั้งไว้ที่จะรับรู้รายได้ 2 พันล้านบาท เนื่องจากมาตรการกระตุ้นภาษีของภาครัฐ ดังนั้น Backlog ที่เหลือประมาณ 1 พันล้านบาทก็ไปทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาสที่เหลือ ทำให้คาดว่ารายได้ในปีนี้จะอยู่ที่ 7 พันล้านบาทเป็นการรับรู้รายได้จากโครงการเดิมเป็นส่วนใหญ่
นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะซื้อที่ดินจำนวน 3-4 แปลงจากงบซื้อที่ดินที่เหลือ 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับในการสร้างคอนโดทาวน์ 3-4โครงการ ที่จะทยอยเปิดในช่วงไตรมาส 3-4
นายโอภาส กล่าวว่า จะมีการปรับราคาขายบ้านเพิ่มขึ้นอีก 2-3% ในโครงการใหม่ที่บริษัทจะทยอยเปิดในช่วงไตรมาส 3-4 ประมาณ 4-5 โครงการ เพื่อรองรับปัญหาต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะราคาเหล็กและเชื่อว่าหลังจากนี้ราคาต้นทุนอย่างอื่นจะปรับเพิ่มขึ้น
"เราคงไม่สามารถหนีพ้นการปรับขึ้นราคาขายเพราะต้นทุนปรับเพิ่มขึ้นซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการปรับไปแล้ว 2-5% ในบางโครงการที่มีการขายด้วยดีและจาก cost ที่เพิ่มขึ้นเราก็เริ่มเข้าไปดูรายละเอียดของแบบบ้านว่าจุดไหนที่ซับซ้อนอยู่ก็อาจจะปรับ เช่น บางส่วนที่มีส่วนผสมของคอนกรีตและเหล็กก็ใช้คอนกรีตอย่างเดียวเพื่อลด cost"นายโอภาส กล่าว
นายโอภาส กล่าวว่า จากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอาจจะทำให้ Gross profit margin ลดลงมาอยู่ที่ 31-32% ในช่วงสิ้นปี จากปีก่อนที่ 34%
ส่วนเหตุการณ์แผ่นดินไหวในจีนที่ผ่านมาก็มีลูกค้ามีความกังวลและสอบถามมากขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้กระทบยอดขายปีนี้แน่นอนซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้มีการพูดคุยกับลูกค้าในเรื่องดังกล่าว และได้มีการกำหนดแผนซักซ้อมทำความเข้าใจกันแล้ว
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--