นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนปี 67 (สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.67) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 77.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 71.32 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 195.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 185.17 ล้านบาท
ขณะที่ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิ 22.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 19.41 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 59.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 55.44 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งรายได้และกำไร มาจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative Business) และธุรกิจนายหน้าประภัยต่อแบบทั่วไป (Traditional Business)
"ภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนปีนี้ ทั้งธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ Alternative และ Traditional ยังทำผลงานออกมาได้ดีตามแผน เนื่องจาก TQR มีการคิดค้นผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับบมจ.ทีคิวเอ็ม อัลฟา (TQM) และบริษัทประกันภัยชั้นนำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง ความต้องการของผู้บริโภคที่ตื่นตัวในการทำประกันภัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การประกันสุขภาพ การประกันภัยทรัพย์สินที่อยู่อาศัย จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมาเกิดภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงมากขึ้น มีความเสียหายหลายพื้นที่ ทำให้ผู้บริโภคมีการทำประกันภัยเพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ รวมถึง ธุรกิจประกันภัยไซเบอร์ ที่ทำร่วมกับ บริษัท อัลฟ่าเซคฯ ยังมีทิศทางที่ดี เพราะปัจจุบันมีการโจมตีหรือการละเมิดข้อมูลเพิ่มขึ้น ส่งผลให้องค์กรต่างๆ มีความสนใจในการทำประกันภัยไซเบอร์ เพื่อคุ้มครองความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น จากปัจจัยเหล่านี้ จึงมั่นใจว่า ผลงานในปีนี้ จะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง" นายชนะพันธุ์ กล่าว
นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TQR กล่าวว่า แนวโน้มผลงานในไตรมาส 4/67 ยังมีทิศทางที่ดี เนื่องจากบริษัทฯ ยังมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ๆ โดยมีการนำเทคโนโลยีมาพัฒนา เช่น การประมวลผลข้อมูล การวิเคราะห์ความเสี่ยง ที่สามารถทำให้นำเสนอบริการและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ทั้ง ประกันภัยต่อสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal Accident and Health), ประกันภัยไซเบอร์ (Cyber), ประกันภัยความรับผิดของกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหาร (Directors and Officers), ประกันภัยต่อการก่อการร้ายและภัยทางการเมือง (Political Violence) รวมทั้ง ประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
สำหรับบริษัทร่วมทุน อย่าง บริษัท อัลฟ่าเซค จำกัด โดย TQR ถือหุ้นในสัดส่วน 30% เพื่อประกอบธุรกิจประกันภัยไซเบอร์ ในปัจจุบันอุตสาหกรรมประกันภัยไซเบอร์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากความต้องการขององค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ต้องการปกป้องข้อมูลจากความเสี่ยงภัยทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมประกันภัยที่มีศักยภาพการเติบโตสูง อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรม Healthcare กลุ่มธุรกิจ Payment และ Merchant ขนาดใหญ่ เป็นต้น เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ
ในส่วนของธุรกิจให้บริการ (Service) ของบริษัท อาร์สแควร์ จำกัด บริษัทร่วมทุน ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการแล้วจำนวน 4 ราย และอยู่ระหว่างการเจรจาเพิ่มเติมอีกหลายราย ส่วนแผนการเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักในรูปแบบ M&A ยังอยู่ระหว่างการเข้าศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ