นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/67 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิหลัก 208.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.0 ล้านบาท หรือเติบโต 48.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 140.0 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,235.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157.7 ล้านบาท หรือเติบโต 14.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำรายได้รวมไว้ 1,078.2 ล้านบาท
โดยในไตรมาส 3/67 นับเป็นช่วงที่ก้าวเข้าสู่ไฮซีซั่นของธุรกิจ ส่งผลให้รายได้ของบริษัทเติบโตโดดเด่นทั้งในกลุ่มผู้ป่วยผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) มีปัจจัยสนัยสนุนจากผู้ป่วยโรคยากซับซ้อนเพิ่มขึ้น เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจ การรักษาผ่าตัดส่องกล้อง และการรักษาในศูนย์กระดูกและข้อ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการเติบโตของกลุ่มผู้ป่วยกลุ่มชำระค่าบริการด้วยตนเอง (Self-pay) ผู้ป่วยกลุ่มประกัน และ ผู้ป่วยต่างชาติ ทั้งนี้ จากการจัดทีมการตลาดเชิงรุกเพื่อดูแลผู้ป่วยต่างชาติ ส่งผลให้บริษัทสามารถเจาะตลาดผู้ป่วยชาวอาหรับได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเข้ามารักษาโรคยากซับซ้อน อาทิ โรคไต , โรคเบาหวานและแผลเบาหวาน ในขณะเดียวกัน ก็มีการเติบโตผู้ป่วยชาวพม่าที่เข้ามาใช้บริการผ่าตัดเปลี่ยนไตเพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทสามารถบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ทำอัตรากำไรสุทธิได้สูงถึง 17% จากเดิมที่ทำไว้ที่ 13% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ปัจจุบันโรงพยาบาลพระรามเก้าเริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติในวงที่กว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนผู้ป่วยชาวต่างชาติอยู่ที่ระดับ 18% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 14 ชี้ให้เห็นว่ากลยุทธ์ที่ทางบริษัทกำลังมุ่งดำเนินอยู่กำลังมาถูกทาง ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งพัฒนาศักยภาพทางการแพทย์ผ่านทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ รวมถึงการจัดตั้งทีมการตลาดเชิงรุกที่มีความแข็งแกร่งในการเจาะตลาดผู้ป่วยต่างชาติทั้งในกลุ่มประเทศอาเซียน จีน และอาหรับ ภายใต้หัวใจของการดำเนินธุรกิจในการให้บริการระดับมาตรฐานสากล ในราคาที่จับต้องได้ (Value for Money) เรามั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติไปอยู่ที่ระดับ 20% ได้ในอนาคต พร้อมเติบโตตามเทรนด์ของประเทศในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์" นพ.เสถียร กล่าว
บริษัทฯ มั่นใจว่าปี 67 จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย 10-12% ที่วางไว้ โดยในไตรมาส 4/67 บริษัทยังคงได้รับอานิสงส์บวกตามปัจจัยทางฤดูกาลของธุรกิจโรงพยาบาล ที่มีจำนวนผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการรักษา และตรวจสุขภาพเพิ่มขึ้น โดยจะมุ่งดำเนินกลยุทธ์การทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อเจาะตลาดผู้ป่วยชาวอาหรับ การประชาสัมพันธ์ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจ ศูนย์กระดูกและข้อ และความเชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมถึงการขยายฐานตลาดกลุ่มผู้ป่วยชาวจีนผ่านการเปิดศูนย์แพทย์แผนจีน
นายแพทย์เสถียร กล่าวว่า บริษัทฯ ยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดเพิ่มการให้บริการทางการแพทย์เพื่อรองรับผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น หลังมีการเปิดให้บริการอาคารใหม่ (อาคาร B) และการรีโนเวทอาคารเดิม (อาคาร A) รวมถึงการนำนวัตกรรมทางการแพทย์มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย หรือการพัฒนาระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เพื่อให้บริการผู้ป่วยพื้นที่กว้างขึ้นทั้งในและต่างประเทศ