โบกรกเกอร์ต่างแนะนำ "ซื้อ" หุ้นธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) จากแนวโน้มผลงานในไตรมาส 4/67 ดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 3/67 หลังทิศทางคุณภาพพอร์ตดีขึ้นจากลูกหนี้ตกชั้นเป็น NPL ชะลอตัวลง หนุนการตั้งสำรองฯเริ่มลดลง และส่งผลต่อ Credit cost ต่ำกว่ากรอบที่ตั้งไว้ 2.5-2.7% ส่งผลดีต่อกำไร และธุรกิจตลาดทุนเริ่มกลับมาดีขึ้นช่วยผลักดันการเติบโตในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
ราคาหุ้น KKP อยู่ที่ 52.50 บาท ลดลง 0.50 บาท (-0.94%) เมื่อเวลา 15.50 น.
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เมย์แบงก์ ซื้อ 65.00 ทรินีตี้ ซื้อ 63.00 บัวหลวง ซื้อ 60.00 กสิกรไทย ซื้อ 56.00
นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) มองทิศทางผลงานของ KKP ในช่วงไตรมาส 4/67 มีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 3/67 ปัจจัยหนุนหลักมาจากการอัตราส่วนหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ หรือผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อลูกหนี้รวม (Credit cost) ปรับลดลง ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของ KKP ที่ตั้งไว้ 2.5-2.7% โดย 9 เดือนแรกอยู่ที่ 2.35% รับผลแนวโน้มลูกหนี้กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่เป็นพอร์ตสินเชื่อหลักเริ่มเห็นสัญญาณบวกที่ไม่กลายเป็น NPL เพิ่มขึ้น และเริ่มมีความสามารถในการชำระคืนหนี้กลับมาดีขึ้น แต่ KKP ก็ชะลอการปล่อยสินเชื่อ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คุณภาพพอร์ตสินเชื่อดีขึ้น ส่งผลบวกต่อ Credit cost ลดลง
นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงส์ธุรกิจตลาดทุนเริ่มกลับมาดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3/67 และในไตรมาส 4/67 จะได้รับปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี ซึ่งจะช่วยหนุนต่อรายได้ค่าธรรมเนียมให้เพิ่มขึ้นเข้ามา เป็นปัจจัยหนุนต่อผลการดำเนินงานของ KKP ในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ และเริ่มส่งผลบวกต่อการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังนี้
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มีมุมมองเชิงบวกต่อ KKP ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หลังจากทิศทางของ NPL ลูกหนี้กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ตกชั้นเป็น NPL ชะลอตัวลง และสัญญาณบวกจากจำนวนรถยึดลดลงตามลำดับ ทำให้ส่งผลบวกต่อการตั้งสำรองฯของ KKP ลดลง ซึ่งเริ่มเห็นมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/67 เป็นต้นมา แม้ว่า KKP จะยังมีการชะลอการปล่อยสินเชื่อก็ตาม แต่ช่วยให้คุณภาพของพอร์ตดีขึ้น
นอกจากนี้ การที่หันกลับมาควบคุมคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อ ทำให้มีผลบวกต่อ Credit Cost ที่ปรับลดลง ซึ่งเริ่มเห็นในช่วงไตรมาส 3/67 ที่ผ่านมา Credit cost อยู่ที่ 2.35% ต่ำกว่าที่ KKP คาดการณ์ไว้ที่ 2.5-2.7% และมีผลบวกต่อกำไรของ KKP ซึ่งได้มีการปรับกำไรเพิ่มขึ้น 21% และปรับราคาเป้าหมายจาก 46 บาท/หุ้น ขึ้นเป็น 56 บาท/หุ้น โดยให้คำแนะนำ "ซื้อ"
ด้านนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง คาดว่า ภาพรวมของ KKP ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้มีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง จากไตรมาส 3/67 หลังจากที่คุณภาพสินทรัพย์ของลูกหนี้ในพอร์ตเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น ทำให้แนวโน้มค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองฯมีการปรับตัวลง และส่งผลต่อ Credit cost ของ KKP ที่มีทิศทางที่ไม่สูงขึ้น และต่ำกว่ากรอบบนของ KKP ที่ตั้งไว้ 2.7% หลังจากที่ 9 เดือน อยู่ที่ 2.35%
ขณะที่ผลขาดทุนจากรถยึดก็เริ่มปรับตัวลง หลังจากราคาขายรถยนต์มือสองกลับมาฟื้นตัวมากขึ้น ทำให้ปัจจัยที่กดดันต่อ KKP มาอย่างต่อเนื่องเริ่มผ่อนคลายลง ประกอบกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนเริ่มฟื้นกลับมา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ามาช่วยหนุนต่อผลงานของ KKP ในไตรมาสสุดท้ายนี้ แนะ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 60 บาท/หุ้น
https://youtu.be/MIAJB4sM6CQ