น.ส.ปิยนุช มริตตนะพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) กล่าวว่า บริษัทปรับลดเป้าหมายยอดขายลงมาเหลือเติบโต 3-5% จากเดิมคาดเติบโต 5-8% โดยจะปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 17-19% จากเดิมที่ 16-18% ด้วยการปรับ Portfolio เพื่อเน้นขายสินค้ากำไรสูงเพิ่มความสามารถในการทำกำไร และเปลี่ยน Business Model ของธุรกิจอาหารสัตว์บกเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในภาพรวม นอกจากนี้ ยังจะผลักดันมาร์เก็ตแชร์ให้เพิ่มขึ้น และหาตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศเพื่อสร้างการเติบโต
"แม้ปีนี้จะมีความท้าทายอยู่ แต่บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่าจะเพิ่มยอดขายโดยรวมให้เป็นไปตามเป้าหมายดังกล่าวได้"น.ส.ปิยนุช กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทยังปรับลดงบลงทุนปีนี้ลงมาเหลือ 90 ล้านบาท จากเดิมวางไว้ที่ 256 ล้านบาท เนื่องจากมีการชะลอโครงการลงทุนภายใต้การส่งเสริมการลงทุของ BOI ที่มีมูลค่าราว 200 ล้านบาท โดยเลื่อนระยะเวลาไปเป็นปีหน้าแทน เนื่องด้วยปีนี้ถือว่ามีความพิเศษ เพราะโดยปกติแล้วช่วง Peak ของธุรกิจจะอยู่ในไตรมาส 2-3 แต่เนื่องจากปีนี้เกษตรกรชะลอลงลูกกุ้งจากปัญหาสภาพอากาศ และราคาปลา-กุ้งที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเร็วๆ นี้ ส่งผลให้ Peak season ของธุรกิจมีการขยายออกไปครอบคลุมถึงไตรมาส 4/67 ด้วย บริษัทจึงชะลอการลงทุนออกไปเพื่อหันไปมุ่งเน้นการขายก่อน
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาส 4/67 คาดเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/67 จากเป็นช่วง Peak season และการขยายตลาดไปในอินโดนีเซียและเวียดนาม
น.ส.ปิยนุช กล่าวว่า ทิศทางการเติบโตในอนาคต บริษัทจะ Diversify ไปประเทศต่าง ๆ เพิ่มขึ้น โดยในปี 68 เตรียมเปิดตลาดต่างประเทศมากขึ้น เพื่อผลักดันสัดส่วนการขายสินค้าในต่างประเทศเพิ่มเป็น 6% จากปัจจุบันอยู่ที่ 4% ส่วนตลาดในประเทศ มีแผนเพิ่มกลุ่มลูกค้า Direct Farm จากปัจจุบันมีลูกค้า 2 ส่วน ได้แก่ พ่อค้าคนกลาง และเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้ง-ปลา รวมถึงขยายตลาดอาหารปลานิล ปลาทับทิม เพื่อเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ด้วย
ปัจจุบัน TFM มีกำลังการผลิตรวมที่ 2 แสนตัน/ปี โดยมีแผนขยายกำลังการผลิตต่อเนื่องในอินโดนีเซีย หากสามารถเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นในปีหน้า หรือมีการใช้อัตรากำลังการผลิตมากถึง 80% จากปัจจุบันสามารถขายได้เฉลี่ยราว 1,600 ตัน/เดือน จากกำลังการผลิตที่ 2,500 ตัน/เดือน นอกจากนี้ยังมองการขยายตลาดไปในประเทศที่มีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ค่อนข้างมากด้วย ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในช่วงของการเจรจากับพันธมิตร