นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/67 มีรายได้รวมจำนวน 1,134 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 2,266 ล้านบาท กำไรสุทธิลดลง 965 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักเกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่แข็งค่า และสภาพอากาศช่วงเวลาที่ผ่านมาในสหรัฐอเมริกาไม่เกิดคลื่นความร้อนรุนแรงเหมือนในช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงส่งผลต่อความต้องการไฟฟ้าและราคา ทำให้ปริมาณการขายไฟและราคาปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงเน้นสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง พร้อมรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) ให้อยู่ในระดับต่ำ
"แม้ในไตรมาส 3 BPP จะเผชิญความท้าทายจากการแข็งค่าของเงินสกุลบาทต่อเงินสกุลเหรียญสหรัฐ และความต้องการไฟฟ้าที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอันเนื่องมาจากสภาพอากาศ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนของ BPP ยังคงมีส่วนสำคัญในการสร้างสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ด้วยเสถียรภาพในการผลิตและจ่ายไฟฟ้าของทั้งโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP) ในไทย โรงไฟฟ้าเอชพีซี (HPC) ใน สปป.ลาว โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (CHPs) ในจีน และโรงไฟฟ้าแฝด Temple l และ Temple ll ในสหรัฐอเมริกา ขณะที่บริษัทฯ เดินหน้าสร้างมูลค่าจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ ขยายกำลังผลิตไฟฟ้าที่มีคุณภาพ และลดการปล่อย CO2 ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยั่งยืน" นายอิศรา กล่าว
ความคืบหน้าที่สำคัญในไตรมาสที่ผ่านมา ประกอบด้วย
1. โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP) ในไทย และโรงไฟฟ้าเอชพีซี (HPC) ใน สปป.ลาว สามารถรักษาค่าความพร้อมจ่ายไฟ (Equivalent Availability Factor: EAF) ในระดับสูง ที่ 99% และ 93% ตามลำดับ
2. โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (CHPs) ในจีนทั้ง 3 แห่ง มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากต้นทุนถ่านหินที่ลดลง และยังมีรายได้จำนวน 7.5 ล้านหยวน จากการขายสิทธิในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มก๊าซเรือนกระจก (Carbon Emission Allowances ? CEA) ปริมาณประมาณ 80,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นผลมาจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวสามารถบริหารจัดการและควบคุมการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดีกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลร่วมที่โรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งนี้ เพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มเติมด้วย
3. บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ซึ่ง BPP ถือหุ้น 50% เข้าลงทุนในบริษัทแอมป์ เจแปน (Amp Japan) ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจนถึงการนำออกสู่ตลาดชั้นนำในประเทศญี่ปุ่น ด้วยงบลงทุน 35 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม 800 เมกะวัตต์ สู่เป้าหมายกำลังผลิตรวม จำนวน 2 กิกะวัตต์ ภายใน 2030
4. BPP ได้รับรางวัล Most Sustainable Energy Company-Thailand 2024 จาก Global Business Outlook Awards ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ BPP ในฐานะผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพระดับสากลที่ยึดมั่นในการส่งมอบพลังงานที่ยั่งยืน
"บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจโดยเน้นสร้างการเติบโตควบคู่ไปกับความยั่งยืน ภายใต้หลัก ESG เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยจะชี้แจงวิสัยทัศน์ของการเปลี่ยนผ่านธุรกิจผลิตพลังงานอย่างยั่งยืน สู่เป้าหมายในปี 2030 ตลอดจนการวิเคราะห์ทิศทางการเติบโตของธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในกลุ่มประเทศยุทธศาสตร์ของ BPP ในเร็วๆ นี้" นายอิศรา กล่าว