ปมปริศนา ที่ทำให้ผู้ลงทุนต่างสงสัยกับความเป็น "หุ้นยอดนิยม" ของ DELTA หรือหุ้นของ บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ที่อยู่ในตลาดหุ้นไทย ปัจจุบันมีมูลค่าตลาด (Market Cap) ขึ้นเป็นอันดับ 1 พุ่งทะยานสูงถึง 1.96 ล้านล้านบาท คิดเป็นประมาณ 13% ของมูลค่าตลาดรวมของ SET Index
โดย Mkt Cap ของหุ้น DELTA ยังสูงกว่ามูลค่าของหุ้นกลุ่มธนาคารในตลาดหุ้นไทยรวมกันเสียอีก
เนื่องจากความเป็นเบอร์ 1 ที่มี Mkt Cap สูงสุดของตลาดหุ้นไทย ทำให้กองทุนไทยและต่างประเทศ ต่างก็ไม่สามารถปฏิเสธที่จะเข้าไปถือหุ้นตัวนี้ โดยสถานการณ์นี้เปรียบเสมือนภาวะ "กลืนไม่เข้าคายไม่ออก" ที่จะห้ามไม่ให้เกิด ความจำยอมต้องเข้าไปซื้อหุ้น DELTA เนื่องจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันเหล่านี้ต้องเจอกับแรงกดดันในการคงผลตอบแทนให้สูงกว่า "Benchmark"
ด้วยมูลค่าตลาดที่เติบโตอย่างมหาศาล การถือครองหุ้น DELTA จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่กลายเป็น "ข้อบังคับ" ของทุกกองทุน จะต้องมี (must have) เพื่อป้องกันไม่ให้ผลการดำเนินงานของกองทุนตนเองต่ำกว่า Benchmark เพราะลูกค้าที่ลงทุนในกองทุนแต่ละกอง พวกเขาไม่ได้สนใจข้ออ้างใดๆ ไม่ว่าจะ "ท่ายาก" หรือ "ท่าง่าย" ในการสร้างผลตอบแทนต่อพอร์ตของกองทุน
แต่พวกเขาสนใจแค่ "ผลตอบแทนที่เหนือกว่า Benchmark" เท่านั้น!
ในเงื่อนไขที่เป็นปัญหาซับซ้อนของการเข้าลงทุนของกองทุนเหล่านี้ ยังทวีความเข้มข้นขึ้นอีก เพราะข้อจำกัดการถือครองของแต่ละ กองทุนที่ถูกกำหนดไม่ให้ถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งเกินกว่า 10% ของมูลค่ากองทุน
ปัจจุบัน แม้กองทุนไทยจะถือหุ้น DELTA จนถึงเพดานนี้ แต่หากหุ้น DELTA ยังคงปรับตัวสูงขึ้นในอัตราที่แซงหน้า SET Index หรือ SET50/100 Index อยู่ต่อไปเรื่อย ๆ แบบนี้ ก็จะทำให้กองทุนมีผลตอบแทน "แพ้" Benchmark ทันที นำไปสู่ความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาแก้ไขข้อจำกัดการถือครองให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น ปรับเป็น 10% +/- 5% เพื่อให้สามารถตามทันการปรับตัวของ DELTA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลยุทธ์การลงทุนที่มุ่งเน้นการเกาะติด Benchmark ของนักลงทุนสถาบันในลักษณะแบบนี้ก็อาจกลายเป็นปัจจัยสนับสนุนให้หุ้น DELTA มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไป
สำหรับเรื่องของ หุ้น DELTA ที่มี Impact ต่อ SET Index นั้น ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะในตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ก็มีหุ้น NVDIA ที่มี Impact ต่อ Nasdaq เช่นกัน
ปัจจุบัน หุ้น NVDIA มี Mkt Cap คิดเป็นเกือบ 14% ของดัชนี Nasdaq100 หรือ คิดเป็น Mkt Cap สูงถึง 3.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไม่ต่างจากหุ้น DELTA ของบ้านเรา เพราะทุกครั้งที่หุ้น NVDIA ปรับตัวขึ้น-ลง จะส่งผลต่อดัชนีด้วยเช่นกัน
การยกประเด็นว่า หุ้น DELTA ที่มี Free Float 23.08% จะถูกเหมารวมกลายเป็นว่า มีแนวโน้มจะถูก "คอร์เนอร์" หรือถูกต้อนราคาขึ้นไปเรื่อยๆ นั้น จนต้องกลายเป็นประเด็นใหญ่ ประเด็นร้อนของตลาดหุ้นไทยตอนนี้ อาจจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียว
ถ้าเข้าใจสิ่งที่เป็นบริบทของ "กองทุน ที่ต้องการผลตอบแทนที่อยู่เหนือกว่า Benchmark
และการปรับตัวของราคาหุ้น DELTA คงไม่ต่างจาก การแข่งขันการสร้าง Benchmark ระหว่างกองทุน ที่เกิดขึ้นกับหุ้น NVDIA ในตลาด Nasdaq100 ในตอนนี้
ส่วนใครจะมองว่า "เหมาะสม" หรือไม่นั้นที่ตลาดหุ้นไทยยืนอยู่ได้ด้วย Mkt Cap หุ้น DELTA เพียงแค่ตัวเดียว ก็อยู่ที่ความรู้ที่เป็นสากล ที่ไม่ใช่มีเพียงแค่หุ้น DELTA เท่านั้นที่พุ่งทะยาน แต่ตลาดหุ้นอื่นก็มีหุ้นแบบ DELTA เช่นกัน
คงต้องฝากผู้รู้ในวงการตลาดทุนไปช่วยกันหาทางออกในลักษณะ "บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น" หรือ ให้กระจายความน่าสนใจไปยังหุ้นตัวอื่นๆอีก 5-10 บริษัทบ้าง เราจะได้พึ่งพิงหุ้นที่หลากหลายในการนำพา SET Index ทะยานไปได้อย่างยั่งยืน
ธิติ ภัทรยลรดี