ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดภาคเช้า 1,450.88 จุด ลดลง 0.59 จุด (-0.04%) มูลค่าซื้อขายราว 29,321 ล้านบาท
การซื้อขายช่วงเช้า ดัชนีปรับตัวลงตามภูมิภาค โดยทำระดับสูงสุด 1,451.40 จุด และต่ำสุด 1,441.15 จุด
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าปรับตัวลงตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย จากยังมีหลายปัจจัยกดดัน ทั้งผลกระทบจากนโยบายต่างๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ, ค่าเงินบาทที่ปรับตัวอ่อนค่าลงมาแตะ 35 บาท/ดอลลาร์ ส่งผลต่อเงินทุนต่างชาติไหลออก และนักลงทุนสถาบันยังขายหุ้นไทยต่อเนื่อง
อีกทั้งด้านปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) หุ้นไทยไม่ได้ดีมาก เนื่องจากกำไรไตรมาส 3/67 ที่ประกาศออกมามีแค่ทรงตัวกับทรุดตัวลง ทำให้ในภาพรวมส่วนใหญ่ออกมาไปทางต่ำกว่าคาด ขณะที่ล่าสุด นักวิเคราะห์ก็ได้มีการปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) ปีนี้ลงมาเหลือ 85 บาท/หุ้น จากเดิมคาดไว้ที่ 95-97 บาท/หุ้น และยังปรับประมาณการ EPS ในปี 68 ลงมาต่ำกว่า 100 บาท/หุ้น จากเดิมคาดไว้ที่ 105-106 บาท/หุ้น จากความเสี่ยงในเรื่องของ Trade war
แนวโน้มช่วงบ่ายคาดตลาดฯ น่าจะยังแกว่งตัวอยู่ในแดนลบต่อ ให้แนวรับไว้ที่ 1,440 จุด และแนวต้าน 1,455 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
CCET มูลค่าการซื้อขาย 1,933.23 ล้านบาท ปิดที่ 8.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.40 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,724.64 ล้านบาท ปิดที่ 282.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,411.39 ล้านบาท ปิดที่ 27.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,188.99 ล้านบาท ปิดที่ 63.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,172.00 ล้านบาท ปิดที่ 63.00 บาท ลดลง 0.25 บาท