นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มแกว่งซึมลง ไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน และนักลงทุนใช้ความระมัดดระวังในการลงทุน จากการใช้มาตรการภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ อาจกระทบต่อประเทศที่พึ่งพาการส่งออก อย่าง ตลาดเกิดใหม่
ขณะเดียวกันงบไตรมาส 3/67 ภาพรวมถือว่าต่ำกว่าที่ตลาดคาด กดดัน SET - EPS มีแนวโน้มปรับตัวลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะ 35.00 บาท/ดอลาร์ ส่งผลต่อเงินทุนต่างชาติไหลออกอยู่
ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเคลื่อนไหวบวกลบสลับกัน
ให้แนวรับไว้ที่ 1,440-1,430 จุด และแนวต้าน 1,460-1,462 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (14 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,750.86 จุด ลดลง 207.33 จุด หรือ -0.47%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,949.17 จุด ลดลง 36.21 จุด หรือ -0.60% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,107.65 จุด ลดลง 123.07 จุด หรือ -0.64%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 38,749.56 จุด เพิ่มขึ้น 213.86 จุด หรือ +0.55% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 19,503.03 จุด เพิ่มขึ้น 67.22 จุด หรือ +0.35% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดที่ระดับ 3,369.81 จุด ลดลง 10.03 จุด หรือ -0.30%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 พ.ย.) 1,450.12 จุด ลดลง 1.35 จุด (-0.09%) มูลค่าซื้อขายราว 59,358.62 บาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ ล้านบาท (14 พ.ย.) 3,186.08 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. (14 พ.ย.) เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 68.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 พ.ย.) อยู่ที่ 5.95 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.94/95 บาท/ดอลลาร์ ไร้ปัจจัยใหม่ ตลาดรอตัวเลขศก.สหรัฐ ให้กรอบวันนี้ 34.75-35.10 บาท/ดอลลาร์
- "กูเกิล" เผยไทยรั้งอันดับ 2 เศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียนมูลค่าพุ่ง 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็รอง "ฟิลิปปินส์" รับอานิสงส์การเติบโตอีคอมเมิร์ซ ท่องเที่ยวออนไลน์ ยกไทยผู้นำการลงทุน "เอไอ-ดาต้าเซนเตอร์" ระดับภูมิภาค ระบุลงทุนภาคเอกชนในไทยครึ่งปีแรกฟื้น มูลค่าแตะ 200 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้ 92% เป็นการลงทุนบริการการเงินดิจิทัล
- เงินบาทอ่อนค่าหนักสุด ในรอบ 3 เดือน นักเศรษฐศาสตร์มองแนวโน้ม ยัง "อ่อนค่า" ได้ต่อ "ซีไอเอ็มบีไทย" ชี้ค่าบาทมีสิทธิ์อ่อน 36 บาทต่อดอลลาร์ถึงกลางเดือน ธ.ค.นี้ เหตุนักลงทุนโยกเงินถือดอลลาร์เข้าสหรัฐต่อเนื่อง "พิชัย" รับค่าเงิน-ดอกเบี้ยกระทบลงทุน "สรท." ชี้แม้บาทอ่อนเอื้อส่งออก แต่ต้องไม่ประมาท แนะประกันค่าเงิน "ส.อ.ท." รับกระทบความสามารถแข่งขันสินค้าไทย ห่วงเอสเอ็มอีปรับตัวไม่ทันต่างชาติ มอง 4 เหตุผล "ค่าเงินบาท" เสี่ยงและ เปราะบางสุดในเอเชีย
- "ออมสิน" เด้งรับมาตรการรัฐลุยเข็นสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ ปักธงกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ชูกู้ซื้อ-สร้าง ดอกเบี้ยคงที่ปีแรก 1.89% ต่อปี กู้ตกแต่ง ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก ที่ 3.49% ต่อปี
หุ้นเด่นวันนี้
- TASCO (เมย์แบงก์ฯ) แนะนำ ซื้อ เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 19.50 บาท เรามีมุมมองเป็นกลางถึงบวกหลังการเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ซึ่งผู้บริหารคาดตลาดในประเทศใน 4Q67 และ 1H68 จะดีต่อเนื่องจาก 3Q67 เนื่องจากงบประมาณปี 68 ที่เพิ่มขึ้น (แต่ก็ขึ้นกับการเบิกจ่ายของหน่วยงานรัฐบาลทำให้ปริมาณขายในประเทศ 4Q67 อาจจะชะลอตัวลงได้ถ้าการเบิกจ่ายล่าช้า) ส่วนตลาดต่างประเทศ 4Q67 จะเข้าสู่ช่วงไฮซีชั่นในหลายประเทศด้านราคาขายตลาดในประเทศและต่างประเทศยังยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การตั้งสำรองขาดทุนด้านเครคิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 9M67 เท่ากับ 340 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างได้รับชำระเงินล้าช้า ผู้บริหารคาดจะมีการทยอยบวกกลับเข้ามาใน 4Q67 และ 1H68
- SFLEX (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 5.10 บาท เรามองราคาหุ้นยังไม่สะท้อนต่อกำไร 3Q67 ที่ออกมาน่าประทับใจ ทำnew high ที่ 76 ล้านบาท ตามคาด +17% q-q, +57% y-y ซึ่งดีทั้งการเติบโตของรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ ขณะที่บริษัทร่วมในเวียดนามทำผลงานได้ดีมาก แนวโน้ม 4Q67 คาดยังสดใสต่อเนื่องและไม่มีแรงกดดันด้านต้นทุนจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำและภาวะ Oversupply ของปิโตรเคมี ประมาณการกำไรของเรามี upside จากปัจจุบันที่ปี 67 ที่ 243 ล้านบาท +34% y-y ราว 10% ปัจจุบันเทรด 2025PER เพียง 9.7 เท่า
- AMATA (กสิกรไทย) แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 33.50 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ AMATA หลังรายงานกำไรไตรมาส 3/67 เติบโต 93% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้จะต่ำกว่าคาดเล็กน้อย แต่ด้วย Backlog ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์และความต้องการที่ดินสำหรับย้ายฐานการผลิตที่ต่อเนื่อง รวมถึงเงินมัดจำที่ลูกค้าแสดงเจตนาซื้อ เรามองว่ากำไรไตรมาส 4/67 มีโอกาสรายงานออกมาดีกว่าในไตรมาส 3/67 เราคาดยอดขายที่ดินขั้นต่ำในปี 68 จะอยู่ที่ 2,500 ไร่ เหมือนเช่น ในปี 67 ที่จะมียอดโอนที่ดินจาก backlog ที่สูงในปี 68 เช่นกันโดยจะใช้เวลาโอนภายใน 2 ปี นอกจากนี้เราชอบ AMATA ที่มีความแข็งแกร่งทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม ซึ่งจะสามารถดึงดูดลูกค้าได้ในอนาคต