นายพชรฐณพงษ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) กล่าวว่า บริษัทเตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง ECF) กับบริษัท เควายซี นาว จำกัด (KYC Now) เพื่อร่วมพัฒนาและให้บริการตรวจสอบอัตลักษณ์ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบอัตลักษณ์ ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจและความท้าทายใหม่ของบริษัท ในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพสูง และเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ดียิ่งขึ้น คาดทยอยรับรู้รายได้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนในช่วงไตรมาส 4/67
ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทน ที่ผ่านมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ เฟสแรก 50 MW เรียบร้อยแล้ว ส่วนเฟส 2 มีความคืบหน้าโดย ประกาศแต่งตั้ง China Triumph International Engineering Co., Ltd. เป็นผู้รับเหมาพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้ามินบู เฟส 2 กำลังการผลิตติดตั้ง 50 เมกกะวัตต์ โดย China Triumph International Engineering Co., Ltd. เป็นผู้รับเหมาที่มีความเชี่ยวชาญ ในการจัดซื้อจัดหา การก่อสร้าง การวางแผน การบริหาร การจัดการ การตรวจสอบและควบคุมคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งจะถือเป็นอีกก้าวสำคัญ ในการเริ่มต้นก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู เฟส 2 คาดก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3/68 ส่วนเฟส 3 และ 4 อยู่ระหว่างวางแผนเพื่อก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุดต่อไป
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 1,116.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,021.50 ล้านบาท จำนวน 94.74 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.27% มีขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 115.18 ล้านบาท
ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 3/67 บริษัทมีรายได้รวม 386.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 379.59 ล้านบาท จำนวน 3.67 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.96% มีขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 61.88 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการงวด 9 เดือน รายได้รวมปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากยอดขายของลูกค้าในประเทศเติบโต 11% และรายได้ส่งออกเติบโตขึ้น 8% นับว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น และยังคงเติบโตต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ด้วยสาเหตุการจัดการภายในหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้จากปีก่อน ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนแรงงานที่อยู่ในกระบวนการปรับปรุงการทำงานใหม่ ซึ่งต้นทุนสินค้าดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ และทางบริษัทฯ อาจจะต้องพิจารณาเรื่องการปรับเพิ่มราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนและสถานการณ์ทางด้านการผลิตที่เกิดขึ้นโดยเร็วต่อไป
สำหรับแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 4/67 มีแนวโน้มเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ส่งผลให้มีปริมาณออเดอร์ทั้งในประเทศและส่งออกเฟอร์นิเจอร์เริ่มมีทิศทางการปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งบริษัทมุ่งเน้นขยายตลาดและช่องทางการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ผ่านกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นายพชรฐณพงษ กล่าวต่อว่า เป้าหมายการเติบโตปี 67 บริษัทมุ่งเน้นสร้างการเติบโต พร้อมเพิ่มความสามารถการทำกำไรจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ เพิ่มกำลังการผลิตรองรับออเดอร์ บริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพฯ โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 12-15% จากปัจจัยที่เข้าสู่ฤดูกาลขายสินค้าในช่วงไตรมาส 4
ประกอบกับบริษัทได้ขยายโอกาสทางการตลาดมากขึ้น ทั้งนี้ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตจะมาจากการขยายตลาดของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ทั้งในและต่างประเทศ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจใหม่และธุรกิจพลังงานทดแทน คาดว่าจะเริ่มเห็นผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นได้ในอนาคต