ทั้งนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีรายได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ 4,364.19 ล้านบาท (ยอดก่อนหักส่วนลดเงินสด) โดยเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์จากกิจการร่วมค้า 3,223.19 ล้านบาท และยอดโอนจากเสนาและบริษัทย่อย 1,141.00 ล้านบาท และในส่วนของสินค้าประเภท Rent To Own เช่าออมบ้าน (LivNex) มียอดทำสัญญาจำนวน 186 ยูนิต มูลค่า 330 ล้านบาท
ดังนั้น ในช่วง 9 เดือนของปีนี้ กลุ่มบริษัทมีแหล่งที่มาของรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รวมทั้งในส่วนที่โอนกรรมสิทธิ์และสินค้าประเภท Rent To Own เช่าออมบ้าน (LivNex) รวมกันเท่ากับ 4,694.19 ล้านบาท
โดยการรับรู้รายได้ของสินค้าประเภท Rent To Own เช่าออมบ้าน (LivNex) จะรับรู้รายได้เป็นค่าเช่า ซึ่งในปัจจุบันลูกค้าประเภท Rent To Own เช่าออมบ้าน (LivNex) มียอดทำสัญญาสะสมทั้งสิ้น 381 ยูนิต มูลค่า 700 ล้านบาท (รวมยอดลูกค้าสะสมถึงสิ้นปี 66 จำนวน 195 ยูนิต มูลค่า 370 ล้านบาท) คิดเป็นรายได้จากสินค้าประเภท Rent To Own เช่าออมบ้าน (LivNex) 3 - 4 ล้านบาทต่อเดือน และคาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้รายได้จากสัญญาเช่าออมบ้านได้ในช่วง 3 ปีต่อจากนี้
สำหรับในภาพรวม บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นในช่วง 9 เดือนของปีนี้ เท่ากับ 36.71% เพิ่มขึ้น 2.13% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า เกิดจากความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถึงแม้ว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์จะลดลง แต่บริษัทก็มีความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นได้ดีกว่าเดิมจากอัตรากำไรขั้นต้น 30.96% เป็น 36.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
โดยในไตรมาส 4 ของปีนี้ กลุ่มบริษัทมีโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมรับรู้รายได้อีก 6 โครงการ ประกอบด้วย ได้แก่ เสนาคิทท์ รังสิต คลอง 4 (Sena Kith Rangsit Khlong 4), เสนาคิทท์ รังสิต - ติวานนท์ (Sena Kith Rangsit - Tiwanon), เสนาคิทท์ บางนา กม.29 เฟส 2 (Sena Kith Bangna Km.29 Phase 2), เสนาคิทท์ เทพารักษ์ - บางบ่อ 2 เฟส 2 (Sena Kith Theparak - Bangbo 2 Phase 2), เสนาคิทท์ เพชรเกษม 120 (Sena Kith Phetkasem 120) และเสนาคิทท์ สาทร - กัลปพฤกษ์ (Sena Kith Sathorn - Kallaphapruek) ซึ่งปัจจุบันกำลังทยอยรับรู้รายได้ในช่วงสุดท้ายของปี
และบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ทั้งหมด ประมาณ 5,818 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการร่วมค้า 4,802 ล้านบาท และโครงการเสนา และบริษัทย่อย 1,016 ล้านบาท อีกทั้งยังมีสินค้าคงเหลือขายอีกมูลค่า 52,362 ล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าวมีสินค้าที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมขายแล้วโอนรับรู้รายได้ทันทีประมาณ 13,941 ล้านบาท
ด้านธุรกิจรับจ้างบริหารโครงการมีรายได้ใกล้เคียงเดิม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สำหรับความสามารถในการทำกำไรลดลง 8.55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเกิดจากค่าการตลาดที่โครงการจะต้องใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อเรียกยอดขาย ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและยังไม่มีปัจจัยที่ส่งเสริมการขายอสังหาริมทรัพย์ ในส่วนธุรกิจสนามกอล์ฟ มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับช่วง High Season ในช่วงปลายปีนี้ ส่วนธุรกิจเช่า และบริการอื่นๆ อพาร์ทเม้นท์, โกดัง, ศูนย์การค้าเสนาเฟสท์ รายได้และกำไรขั้นต้นอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม
ธุรกิจพลังงานสะอาดมีรายได้เพิ่มขึ้น 19.00% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีกำไรขั้นต้น 38.56 % ลดลงจากปีก่อนหน้า 8.88% ซึ่งส่วนใหญ่รายได้มาจากการรับจ้างติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาบ้านเพื่อขาย ของกลุ่มบริษัทเสนาจึงทำให้ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นลดลง
อย่างไรก็ตาม มองว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยังต้องอยู่กับความท้าทายจากปัจจัยลบต่างๆ โดยเฉพาะหนี้สินครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน และราคาบ้านที่ปรับตัวสูง เมื่อเทียบกับรายได้ที่ปรับขึ้นของคนไทย ส่งผลให้ผู้ประกอบการมียอดยกเลิกจากการกู้ไม่ผ่านเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการขอกู้ซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้า ดังนั้นในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ กลุ่มบริษัทเสนายังคงให้ความสำคัญกับ LivNex เช่าออมบ้าน เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน แต่ยังความสามารถในการกู้ได้ในช่วง 3 ปีจากนี้