โดยเฉพาะรายได้ค่าโดยสารที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณผู้โดยสารและการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารตามเงื่อนไขของสัญญาสัมปทานตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นมา โดยจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง รายได้ค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของผู้ใช้บริการ ปัจจุบันผู้โดยสารเฉลี่ยในวันทำงานมากกว่า 5 แสนเที่ยว/วัน รวมทั้งผลบวกจากการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร
สำหรับปริมาณรถใช้ทางพิเศษและรายได้ค่าผ่านทาง โดยภาพรวมเติบโตขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากทางพิเศษเฉลิมมหานคร โดยเฉพาะที่ด่านดาวคะนองมีปริมาณรถลดลงจากผู้ใช้ทางเลี่ยงเส้นทาง เนื่องจากผลกระทบจากการก่อสร้างบริเวณใกล้เคียง แม้ว่าปริมาณรถใช้ทางพิเศษในเมืองเพิ่มขึ้นตามเส้นทางที่เชื่อมต่อกับสถานที่ท่องเที่ยว หน่วยงานราชการ และสนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงทางพิเศษนอกเมือง ปริมาณรถที่ใช้ทางพิเศษยังคงมีอัตราการเติบโตเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ผลประกอบการของงวด 9 เดือนแรกของปี 67 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของ BEM อย่างชัดเจน ด้วยกำไรสุทธิ 2,917 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 297 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11%
เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 3 นี้ ได้แก่ การว่าจ้างบมจ. ช.การช่าง (CK) จัดหาขบวนรถไฟฟ้าเพิ่มเติมสำหรับโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) จำนวน 21 ขบวน พร้อมปรับปรุงระบบรถไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง วงเงินรวม 6,800 ล้านบาท เพื่อรองรับผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตจากการเปิดให้บริการของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันออกในปี 2571
การออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนครั้งที่ 2/2567 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีมูลค่าเสนอขายรวม 7,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีด้วยยอดจอง 1.5 เท่า อีกทั้งหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ A- ขณะเดียวกันบริษัทยังได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (CALO) ระดับดีเด่น สาขาบริการ ประจำปี 2567 ด้วย