นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/67 คาดมีทิศทางที่เติบโตต่อเนื่อง จากการเข้างานของเรือ FSO ประกอบกับฤดูกาลท่องเที่ยวที่หนุนปริมาณการขนส่งน้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันอากาศยานในประเทศเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อกิจการ บจก. วี.ซี.ชิปปิ้ง แอนด์ เซอร์วิส บริษัทชั้นนำในด้านธุรกิจ Shipping ของสินค้าในกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี ตั้งแต่ไตรมาส 4/67 เป็นต้นไป หลังได้เข้าซื้อกิจการเมื่อวันที่ 1 ต.ค.67 พร้อมผลักดันแผนเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ TMS Offshore Ventures Inc เพื่อดำเนินธุรกิจประเภทให้บริการขนส่งสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล ด้วยทุนจดทะเบียน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการแก่ลูกค้าต่างประเทศ คาดว่าจะพร้อมให้บริการตั้งแต่ต้นปี 68 เป็นต้นไป
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 มีรายได้จากการให้บริการ 2,170.5 ล้านบาท เติบโต 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการให้บริการจำนวน 1,835.5 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 494.3 ล้านบาท เติบโต 48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 333.8 ล้านบาท
ปัจจัยสนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโต ประกอบด้วย
1. ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและเคมี (Petroleum and Chemical Tankers :PCT) รายได้เติบโต 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มเรือขนส่งเคมีเหลว 1 ลำ ตั้งแต่ไตรมาส 4/66 และเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูป 1 ลำ ตั้งแต่ไตรมาส 2/67 และการขยายฐานลูกค้าการขนส่งเคมีเหลวไปยังประเทศมาเลเซีย รวมถึงปริมาณการขนส่งน้ำมันอากาศยาน Jet A-1 ในประเทศที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น โดยปลายไตรมาส 3/67 บริษัทได้ขายเรือขนาดเล็กที่มีอายุมากและมีค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงออกไป 1 ลำ และเตรียมนำเรือต่อใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงานมาทดแทน
2. ธุรกิจเรือกักเก็บและผสมน้ำมันกลางทะเล (Floating Storage Unit :FSU) มีอัตราการใช้งานเพิ่ม สูงขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง โดยในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ระดับ 82% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 52% ส่งผลให้รายได้ไตรมาส 3/67 โต 66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
3. ธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore Support Vessel :OSV) มีรายได้เติบโตอย่างโดดเด่น จากการให้บริการเรือ AWB 1 ลำ และ Hybrid Crew Boat 2 ลำเพิ่มเติม ตั้งแต่ช่วงต้นปี 67 ส่งผลให้รายได้ไตรมาส 3/67 โตกว่า 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
4. ธุรกิจตัวแทนสายเดินเรือและออกของ (Ship Agent and Shipping:SAS) มีรายได้โต 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการขยายการให้บริการ Shipping ไปยังลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ในขณะต้นทุนค่านายหน้าเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 66 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อย
5. ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ (Crude Oil Carrier:COC) ไตรมาส 3/67 มีรายได้ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการนำเรือ Aframax เข้าอู่แห้งเพื่อปรับเปลี่ยนให้เป็นเรือกักเก็บปิโตรเลียมเพื่อสนับสนุนการผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Floating Storage and Offloading Vessel "FSO") และจะเริ่มให้บริการลูกค้าตั้งแต่เดือน ธ.ค.67 ภายใต้สัญญา Bareboat Contract ระยะยาว ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้ที่แน่นอน โดยไม่มีความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาเชื้อเพลิง
ผลประกอบการในช่วง 9 เดือนปี 67 มีรายได้จากการให้บริการ 6,689.7 ล้านบาท โต 11% และกำไรสุทธิ 1,761.5 ล้านบาท เติบโต 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน