โดยในปี 68 บริษัทยังคงเดินหน้าในการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยจะเป็นบ้านลักชูรี่ ราคาตั้งแต่ 25 ล้านบาทขึ้นไป ที่เตรียมเปิดอีก 2 โครงการ ในปี 68 มูลค่ารวมราว 3 พันล้านบาท ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯทั้งหมด โดยที่ในช่วงต้นปี 68 จะมีการเปิดขายโครงการ CINQ ROYAL The Eighteen บางนา เป็นโครงการแรกของปี 68 ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าหลังจากโครงการ CINQ ROYAL กรุงเทพกรีฑา ได้ประสบความสำเร็จไปอย่างดี
สำหรับภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยระดับบนบริษัทมองว่ายังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการแข่งขันกันค่อนข้างมาก และมีซัพพลายที่มากในบางทำเล ซึ่งเป็นสิ่งที่แต่ละผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับตัวและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับภาวะของสถารการณ์ในช่วงนั้นๆ แต่หากมองถึงกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าระดับบนถือว่ายังดี และไม่มีความกังวลในเรื่องของการถูกปฏิเสธสินเชื่อ เพราะเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้สูง อักทั้งทิศทางดอกเบี้ยที่ปรับลดลง การท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก ภาพของตลาดหุ้นที่กลับมาดี ทำให้คนที่มีกำลังซื้อสูงมีความมั่นใจมากขึ้น และส่งผลบวกต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท
อย่างไรก็ตามการขับเคลื่อนรายได้ไปสู่เป้าหมาย 5 พันล้านบาท ภายในปี 70 นั้น บริษัทยังต้องมีแผนการขยายธุรกิจและขยายฐานลูกค้าใหม่ๆเพิ่มเติม เช่น การที่บริษัทจะเริ่มพัฒนาบ้านระดับราคาต่ำกว่า 25 ล้านบาทลงมา เพื่อสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และช่วยสร้างรายได้ไหม่ๆเข้ามาให้กับบริษัทมากขึ้น จากการที่มี Product segment ของบ้านระดับบนใหม่ๆเข้ามาเติม โดยจะเริ่มเห็นการพัฒนาโครงการในระดับราคาต่ำกว่า 25 ล้านบาทลงมา ภายในปี 69
ขณะเดียวกันบริษัทได้ศึกษาโอกาสในการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) นอกเหนือจากธุรกิจให้บริการตกแต่งบ้านที่ให้บริการอยู่แล้ว ยังมองว่าธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำที่อิงกับการท่องเที่ยวยังมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะการพัฒนาโรงแรม และการพัฒนาที่อยู่อาศัยในหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น พัทยา หรือภูเก็ต ซึ่งหากมีการลงทุนในธุรกิจโรงแรมจะเน้นเป็นการเช่าที่ดินเพื่อมาพัฒนาเป็นโครงการ ซึ่งเป็นธุรกิจที่จะเข้ามาช่วยเสริมรายได้ประจำ และสร้างรายได้ใหม่เข้ามาให้กับบริษัท ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนตั้งแต่ปี 69 เป็นต้นไป
ส่วนในช่วงไตรมาส 4/67 บริษัทคาดว่าจะยังเห็นการขายและการโอนดีต่อเนื่อง แต่ยอมรับว่าในช่วชไตรมาสสุดท้ายของปีจะเป็นช่วงที่ทีมขายจะต้องเร่งปิดยอดก่อนเข้าใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ในปลายเดือนธ.ค. ทำให้ลูกค้าที่สนใจซื้อมีอำนาจต่อรองที่สูง จึงมีการทำโปรโมชั่นต่างๆมาก เพื่อจูงใจให้ลูกค้ารีบตัดสินใจซื้อก่อน ทำให้จะมีการใช้งบทางการตลาดที่สูงขึ้นในช่วชไตรมาสสุดท้ายของปี
บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ของบริษัทในปี 67 เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2 พันล้านบาท โดยที่บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 900 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/67 และไตรมาส 1/68 ทั้งหมด ซึ่งมาจากการโอนโครงการ CINQ ROYAL กรุงเทพกรีฑา และโครงการ VANA ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์ ส่วนในปี 68 วางงบซื้อที่ดินไว้ที่ 2 พันล้านบาท เพื่อรองรับการซิอที่ดินใหม่ โดยที่บริษัทยังมีความมั่นใจในฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีหนี้สินที่อยู่ไนระดับต่ำ และมีสภาพคล่องที่ดี