(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ไร้ปัจจัยใหม่แต่อาจผันผวนจาก MSCI Rebalance

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 25, 2024 09:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ โดยยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามามีผลต่อตลาด หลังจากประด็นการเมืองในประเทศได้คลายกังวลไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องคดี "ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย" ไปแล้ว ทำให้ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ตลาดฯ วันนี้อาจจะมีความผันผวนอยู่บ้างจากปัจจัย MSCI Rebalance ซึ่งจะใช้ราคาปิดของวันนี้เป็นการคิดคำนวณ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเปิดมาเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวแดนบวก

โดยให้แนวต้าน 1,450-1,455 จุด และ แนวรับ 1,435-1,440 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (22 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,296.51 จุด เพิ่มขึ้น 426.16 จุด หรือ +0.97%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,969.34 จุด เพิ่มขึ้น 20.63 จุด หรือ +0.35% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,003.65 จุด เพิ่มขึ้น 31.23 จุด หรือ +0.16%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 38,679.93 จุด เพิ่มขึ้น 396.08 จุด หรือ +1.03% ดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ระดับ 19,307.34 จุด เพิ่มขึ้น 77.37 จุด หรือ +0.40% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,274.88 จุด เพิ่มขึ้น 7.69 จุด หรือ +0.23%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 พ.ย.) ที่ 1,446.30 จุด เพิ่มขึ้น 5.84 จุด (+0.41%) มูลค่าซื้อขาย 45,754.40 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 120.90 ล้านบาท (22 พ.ย.)
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (22 พ.ย.) เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.6% สู่ระดับ 71.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 พ.ย.) อยู่ที่ 5.97 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.41/43 จับตาตัวเลขศก.สหรัฐ คาดกรอบวันนี้ 34.30 - 34.60
  • หนี้ครัวเรือนไทยยังสูง 16.32 ล้านล้านบาท กดการฟื้นตัวเศรษฐกิจ เครดิตบูโรชี้ หนี้เสียเพิ่มตามคาด แตะ 1.2 ล้านล้านบาท สัดส่วนวิ่งจาก 7.7% สู่ 8.8% ด้านสินเชื่อแบงก์หดตัว 2 ไตรมาสติด เหตุเข้มปล่อยกู้ กังวลระดับหนี้เพิ่ม แถมคุณภาพเสื่อม จี้รัฐเร่งแก้ไข
  • บิ๊กเอกชนส่งเสียงรัฐเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ-กำลังซื้อโค้งท้าย หลังจีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวดีขึ้น แต่ยังรั้งท้ายเพื่อนบ้าน จี้โหมโปรโมทท่องเที่ยวสุดลิ่ม เร่งเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐ แก้หนี้ครัวเรือน ไม่ยึดรถกระบะ ดัน Easy e-Receipt กระตุ้นการใช้จ่าย อสังหาฯชี้มาตรการที่ออกมายังไม่ช่วย ขึ้นค่าแรง 400 ทุบซ้ำธุรกิจเอสเอ็มอีแนะรัฐจับมือเอกชนเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจดึงนักลงทุนใน-เทศ
  • นายกฯ "แพทองธาร ชินวัตร" ระบุ 12 ธ.ค.นี้ แถลงนโยบายใหญ่เตรียมของขวัญปีใหม่ให้คนไทย
  • ตร.สอบปากคำอดีตภรรยาลูกสาว "หมอบุญ" เพิ่มเติม เบื้องต้นยังให้การภาคเสธ พร้อมประสาน ตร.สากลออกหมายแดงลากคอจากจีน คนขับรถนำอาหารเข้าเยี่ยมภรรยา-ลูกสาว เผยทั้ง 3 คนอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน เจอหมอบุญครั้งสุดท้ายช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. ด้าน ปอศ.เตรียมรวบรวมสำนวนคดีให้ดีเอสไอ ก.ล.ต. ชี้เรื่องฉ้อโกงอาจไม่เกี่ยวกับ THG เหตุหมอบุญลงนามส่วนตัว "สนธิ" ชำแหละคดี "หมอบุญ" เหมือนแชร์ลูกโซ่ต่อจากบอสพอล แนะจัดการโบรกเกอร์เสมือน "แม่ข่าย"

*หุ้นเด่นวันนี้

  • OSP (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 29.10 บาท คงมุมมองเชิงบวกไตรมาส 4/67 คาดกลับมาเติบโตยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศหลังรับผลกระทบน้ำท่วมเหนือ-อีสาน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าร้านค้าดั้งเดิมที่มีสัดส่วนกว่า 50% คาดส่วนแบ่งตลาดจะฟื้นและกลยุทธ์ปรับสินค้าเป็นพรีเมียมที่มีราคาสูงขึ้นช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นในระยะยาว นอกจากนี้คาดงบการเงินจะไม่มีรายการพิเศษอีกหลังจากขายทรัพย์สินที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกไปหมดแล้ว มองการเติบโตในต่างประเทศที่มียอดขาย 28% จะสร้างการเติบโตในอนาคตได้ดีพร้อมอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น
  • BANPU (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 6.10 บาท แนวโน้ม Q4/67 คาดพลิกกลับเป็นกำไรจากทิศทางเงินบาทกลับมาอ่อนค่า ช่วงสั้นยังมีประเด็นเก็งกำไรจากราคาก๊าซในสหรัฐเพิ่มขึ้น อ้างอิงจากราคาก๊าซ Henry Hub ผ่าน US$3/MMbtu ทำจุดสูงสุดในรอบปี หนุนจาก 1) สภาพอากาศหนาวเย็นกว่าปกติ รวมถึงปริมาณการส่งออก LNG เพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปสู่ยุโรป 2) ความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครนสร้างความกังวลด้าน supply ยุโรป นอกจากนี้ BANPU มีโอกาสถูกนำเข้า SET50 ในรอบครึ่งแรกปี 68 (ประกาศ 15-20 ธ.ค.นี้) ทั้งนี้ หากราคา Henry Hub ผ่าน US$3.6/MMbtu ได้ ราคาหุ้นต่ำ book มีโอกาสขยับมาเทรดที่ PBV ระดับ -1SD ถึง -0.75SD จะได้ราคาเป้าหมายแถว 6.45-7.05 บาท ตามลำดับ
  • SAK (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 6.70 บาท คาดกำไรหลัก 67 โต 13.7% YoY รายได้โตตามสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์-โฉนดที่ดิน ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังบริหารจัดการได้ ยังคาดแนวโน้มกำไร Q4/67 โตทั้ง QoQ และ YoY แลปี 68 จะกำไรเร่งตัวอีก 14.1%YoY SAK ได้ประโยชน์เป็นอย่างมากต่อดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุดเนื่องจาก 95% ของเงินกู้มาจากการกู้แบงก์ ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดทันที ทุกๆ 0.25% ที่ลดดอกเบี้ยฯจะเป็น Upside ต่อประมาณการ 2% ในปี 67/68 วันนี้ลุ้นมาตรการช่วยชาวนาไร่ละ 1 พัน วงเงิน 3.85 หมื่นล้านบาทที่จะเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติก่อนเสนอ ครม วันที่ 29 พ.ย.มองเป็นปัจจัยบวกต่อคุณภาพสินทรัพย์ในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ