หุ้น THG บวกหลังชี้แจงตลาดกรณีข่าวฉาว "หมอบุญ" เช้านี้ โดยปรับตัวขึ้นแรงถึง 15.72% มาอยู่ที่ 18.40 บาท เมื่อเวลา 10.10 น.เพิ่มขึ้น 2.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 84.37 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 15.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 19.20 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 15.10 บาท
บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) ชี้แจงกรณีศาลออกหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน ในข้อหาฉ้อโกง และฟอกเงิน รวมถึงนางจารุวรรณ วนาสิน และนางสาวนลิน วนาสิน ภรรยาและบุตรสาวของนายแพทย์บุญ โดยนางจารุวรรณและนางสาวนลินดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการของบริษัทฯ โดยทั้งสองเข้ามอบตัวต่อตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ พร้อมทั้งให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยชี้แจงว่าลายมือชื่อในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกปลอมแปลง
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้รับการติดต่อเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงใด ๆ จากบุคคลทั้งสอง และทั้งสองก็ยังไม่ได้แสดงเจตจำนงลาออกจากตำแหน่งกรรมการของบริษัทฯ แต่จากข้อเท็จจริงและตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายการที่ทั้งสองถูกแจ้งข้อกล่าวหายังไม่ได้ส่งผลให้ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ เนื่องจากข้อกล่าวหาดังกล่าวยังอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย และยังไม่มีคำตัดสินถึงที่สุด
ทั้งนี้ แม้ว่าทั้งสองจะเป็นกรรมการของบริษัทฯ แต่ถือเป็นเพียงกรรมการในจำนวนทั้งหมด 15 คน ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และทั้งสองไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจตามหนังสือรับรองของบริษัทฯ จึงไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆ ในนามของบริษัทฯ ซึ่งจะสามารถผูกพันบริษัทได้ การดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ และไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อการดำเนินธุรกิจ หรือการปฏิบัติงานของบริษัทฯ
อย่างไรก็ดี คณะกรรมการบริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของกรณีดังกล่าว และได้ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทฯ โดยคณะกรรมการฯ อาจพิจารณานำเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เพื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติและความเหมาะสมของกรรมการทั้งสองท่านในการดำรงตำแหน่งต่อไป
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่านายแพทย์บุญ นำเงินส่วนตัวเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการ "จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้" ร่วมกับ THG นั้น ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง การลงทุนในโครงการ "จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้" นั้น เป็นการลงทุนของ บริษัท ธนบุรี เวลบีอิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ THG ที่ถือหุ้นเกือบทั้งหมดมาตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงปัจจุบัน และได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ตั้งแต่ปี 2559 และบริษัทได้รายงานความคืบหน้าของโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัทฯ ทุกครั้ง รวมถึง ระบุข้อมูลที่เกี่ยวข้องไว้ในรายงานประจำปีของบริษัทฯ
ส่วนตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับการชักชวนนักลงทุนของนายแพทย์บุญ ในธุรกิจทางการแพทย์ 5 โครงการ ได้แก่ (1) โครงการสร้างศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า (2) โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำจ้าพระยา (3) โครงการโรงพยาบาลในลาว 3 แห่ง (4) โครงการเข้าร่วมทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม (5) โครงการสร้าง Medical intelligence เป็นการดำเนินการโดยนายแพทย์บุญ แต่เพียงผู้เดียว บริษัทฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
สำหรับโครงการที่ THG เข้าไปเกี่ยวข้องในช่วงแรก ได้แก่
- การเข้าทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) สำหรับโครงการร่วมทุนในการสร้างศูนย์มะเร็ง ศูนย์ดูแลฟื้นฟูผู้ป่วยหลังผ่าตัด ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุครบวงจร และศูนย์ดูแลสุขภาพองค์รวม ย่านปิ่นเกล้า
- เป็นการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนสร้างโรงพยาบาลในนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
ทั้งสองโครงการดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาเบื้องต้น และการลงนามในบันทึกความเข้าใจเท่านั้น โดยบริษัทฯ ได้พิจารณาแผนความเป็นไปได้ของโครงการทั้งสองอย่างละเอียดแล้วและตัดสินใจไม่ลงทุนในทั้งสองโครงการ
การให้ข่าวเกี่ยวกับโครงการทั้งสองดังกล่าวเป็นการให้ข่าวโดยนายแพทย์บุญ ซึ่งบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการให้ข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด และต่อมาบริษัทชี้แจงแล้วว่านายแพทย์บุญ ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการและประธานกรรมการของบริษัท ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2565 และปัจจุบันไม่ได้ดำรงตำแหน่งใด ๆ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารงานของบริษัทฯ
ขณะที่ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มองว่า THG ยังมีความไม่แน่นอนท่ากลางข่าวคดีที่เกี่ยวข้องกับนายแพทย์บุญ ทำให้ยังมีความไม่แน่นอนที่ส่งผลมาถึง THG โดยยังต้องหลีกเลี่ยงการลงทุน THG อีกทั้งผลการดำเนินงานที่ยังไม่ฟื้นกลับมา ทำให้ทิศทางผลการดำเนินงานของ THG ยังมีโอกาสอ่อนแอต่อเนื่อง
ด้าน บล.ทิสโก้ ให้คำแนะนำ "ขาย" THG จากกำไรติดลบ เนื่องจากการตั้งสำรองจำนวนมาก สำหรับลูกหนี้ UCEP ที่เหลือ และยังมีข้อสังเกตว่าการปรับโครงสร้างธุรกิจยังไม่เป็นรูปธรรม ส่งผลให้รายได้ของหลายหน่วยธุรกิจอ่อนแอ และยังคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่ารายได้จะฟื้นตัว เนื่องจากการปรับโครงสร้างธุรกิจยังไม่ได้ถูกนำไปปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ ประกอบกับยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับกรรมการของบริษัทที่ยังต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาคดีความ