นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในปี 68 ทั้งรายได้และกำไรคาดจะสูงกว่าปี 67 ตามปริมาณจราจรบนทางด่วนและจำนวนผู้โดยสารถไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ในปี 68 จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าในวันธรรมดาคาดเติบโต 10% มาเป็น 5.5 แสนเที่ยว/วัน จากปัจจุบันแตะ 5 แสนเที่ยว/วัน เป็นผลจากกิจกรรมแนวเส้นทางรถไฟฟ้ามากขึ้น ได้แก่ การเปิดโครงการ One Bangkok และจะมีการเปิดโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค บนถนนพระรามที่ 4 ขณะที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ก็มีงานต่อเนื่องตลอดปี
ขณะที่ภาพรวมปี 68 คาดผู้โดยสาร (7 วัน) เฉลี่ยเติบโตมากกว่า 5% โดยล่าสุดในเดือน ต.ค.67 จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยเพิ่มมาที่ 4.44 แสนเที่ยว/วัน
สำหรับภาพรวมในปี 67 นายสมบัติ กล่าวว่า ผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินน่าจะเติบโตได้ราว 7-8% และรายได้เติบโตมากกว่า 10% เพราะได้รับผลดีจากการปรับค่าโดยสาร และประมาณการกำไรคาดว่าจะทำนิวไฮที่ 3,600 ล้านบาท
"กำไรปี 67 น่าจะทำ New High ปี 68 น่าจะทำ New High ได้ต่อ เราเชื่อว่าเราจะมีกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี ของเก่า(รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน) ก็โดขึ้นเรื่อยๆ พอโปรเจ็คต์ใหม่มา (รถไฟฟ้าสายสีส้ม) หนุน S-Curve ดันให้ใหญ่ขึ้น"นายสมบัติ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์
นายสมบัติ เปิดเผยอีกว่า บริษัทยังสั่งซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 21 ขบวนที่จะเริ่มจะส่งมอบในปี 70 จากปัจจุบันที่มีรถไฟฟ้า 54 ขบวนรองรับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งในแต่ละขบวนมี 3 ตู้โดยสาร รองรับผู้โดยสารได้ 900 คน ที่ผ่านมายังไม่เต็มรามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มได้อีกระดับหนึ่ง และมีแผนจะเพิ่มเที่ยววิ่งรถให้ถี่ขึ้น
ส่วนการเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันออก คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายใน 1-2 ปี คาดจำนวนผู้โดยสาร 1 แสนเที่ยว/วัน และจะถึงจุดคุ้มทุนเมื่อเดินรถครบทั้งเส้นทางฝั่งตะวันออกและตะวันตกภายใต้คาดการณ์จำนวนผู้โดยสาร 4-5 แสนเที่ยว/วัน
ด้านโครงการทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck) โครงการนี้เป็นความต้องการภาครัฐ ซึ่งได้ตกลงในหลักการกันแล้วว่า BEM จะเป็นผู้ลงทุนและสร้าง Double Deck วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท แลกกับการต่ออายุสัมปทานไป 22 ปี 5 เดือน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเสนอเข้า ครม. คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ในไตรมาส 1/68 โดยยืนยันว่าบริษัทไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อนำเงินมาดำเนินโครงการ