(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ไร้ปัจจัยใหม่ จับตาตัวเลขส่งออกไทยวันนี้

โดยให้แนวต้าน 1,450 จุด แนวรับ 1,430 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

• ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (25 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,736.57 จุด เพิ่มขึ้น 440.06 จุด หรือ + 0.99%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,987.37 จุด เพิ่มขึ้น 18.03 จุด หรือ +0.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,054.84 จุด เพิ่มขึ้น 51.18 จุด หรือ +0.27%
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 38,596.76 จุด ลดลง 183.38 จุด หรือ -0.47% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 19,054.40 จุด ลดลง 96.59 จุด หรือ -0.50% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,256.86 จุด ลดลง 6.90 จุด หรือ -0.21%
• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 พ.ย.) ที่ 1,443.31 จุด ลดลง 2.99 จุด หรือ (-0.21%) มูลค่าซื้อขาย 50,452.68 ล้านบาท
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,098.25 ล้านบาท (25 พ.ย.)
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (25 พ.ย.) ลดลง 2.30 ดอลลาร์ หรือ 3.23% ปิดที่ 68.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 พ.ย.) อยู่ที่ 6.08 เหรียญ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 34.74 ให้กรอบวันนี้ 34.60-34.85 จับตาตัวเลขส่งออกไทย-ทิศทางนโยบายการเงินเฟด
• สศช.เปิดสถานการณ์หนี้ครัวเรือนไตรมาส 2 ปี 2567 ลดเหลือ 89.6% ลดต่ำ 90% ครั้งแรกรอบ 3 ปีครึ่ง แต่ห่วงแนวโน้มรายจ่ายครัวเรือนตึงตัว ผิดชำระหนี้สูง จับตาแบงก์เข้มปล่อยกู้ กดดันพึ่งหนี้นอกระบบ พบข้อมูลหนี้ นอกระบบแตะ 6.7 หมื่นล้าน
• โกลด์แมนแซคส์" คาดสงครามการค้า อาจส่งผลต่อธนาคารกลางในเอเชีย ชะลอแผนลดดอกเบี้ย จากปัจจัยค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นใกล้แตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี พร้อมระวังความเสี่ยงนโยบายภาษีจาก "โดนัลด์ ทรัมป์" ขณะที่ เอสซีบี อีไอซี ประเมิน กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบเดือน ธ.ค.นี้
• ส.อ.ท.รับอุตสาหกรรมยานยนต์สาหัส หั่นเป้าผลิตรถยนต์อีกรอบปีนี้รวมแล้ว 4 แสนคัน เหลือแค่ 1.5 ล้านคัน หลังยอดขายในประเทศทรุด แบงก์เมินปล่อยกู้ ยอดขายในประเทศต่ำสุดรอบ 54 เดือน ยอดส่งออกร่วงทุกตลาด จับตาผู้ผลิตชิ้นส่วนกระอักปิดโรงงาน หลังลดโอที ลดวันทำงานเหลือ 2 วัน สัญญาณร้าย "นิสสัน" เตรียมเลิกจ้างในไทย 1,000 ตำแหน่ง
• ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีปี 67 เป็น 2.7% จากเดิม 2.5% หลังตัวเลขไตรมาส 3 ออกมาดีกว่าคาด พร้อมปรับลดจีดีพีปี 68 ลดลงเหลือ 2.4% จากเดิม 2.6% ผลจากนโยบาย Trump 2.0 ที่อาจเร่งให้เกิดปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และทำให้เกิดการกีดกันการค้าที่รุนแรงขึ้น พร้อมคาดการณ์ กนง.คงดอกเบี้ยในการประชุมครั้งที่เหลือในปีนี้ และแนวโน้มบาทอ่อนค่าในกรอบ 34.80-35.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่เหลือของปีนี้
• 'พีระพันธุ์'ดันกฎหมายสำรองน้ำมันและก๊าซ ต่อสภาต้นปี'68 ไม่ใช้เงินอุดหนุนเหมือนกองทุนน้ำมัน ทำให้ไทยมีระบบสำรองน้ำมันเป็นของประเทศไม่ขึ้นอยู่กับภาคเอกชนอย่างเดียว จับตา กพช.เคาะต่ออายุลดเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเข้ากองทุนอนุรักษ์ เคาะสูตรราคาก๊าซช่วยลดค่าไฟ
• "สภาพัฒน์" เผยไตรมาส 3/67 มีผู้ว่างงาน 4.1 แสนคน แนะจับตาตัวเลขแรงงานที่ว่างงานเกิน 1 ปีขยับเพิ่มกว่า 16% เหตุขาดทักษะ ต้องเร่งปรับตัวรองรับอุตฯ ใหม่ๆ ส่วนหนี้ครัวเรือนไทยไตรมาส 2/67 ลดลงเหลือ 89.6% ลดลงต่ำกว่า 90% ครั้งแรกรอบ 3 ปีครึ่ง

*หุ้นเด่นวันนี้

• BJC (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 31.00 บาท เราคาดกำไรหลักไตรมาส 4/67 ขยายตัว QoQ จากการเข้าสู่ช่วง High Season จากการใช้จ่ายในประเทศ ผลบวกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินเข้าบ้านเราสูงขึ้น และอานิสงค์จากมาตรการแจกเงินสด 1 หมื่นบาท 14.5 ล้านคนที่จะเห็นผลในไตรมาสนี้มากขึ้น ด้านกำไรหลักปี 68 คาดขยายตัว 12.1%YoY โดยช่วงไตรมาส 1/68 คาดหมายว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐฯ เช่น โครงการแจกเงินสด 1 หมื่นบาท ผู้สูงอายุวงเงิน 4 หมื่นล้านบาท มาตรการช่วยชาวนาไร่ละ 1 พันบาท วงเงิน 3.8 หมื่นล้านบาท และโอกาสที่ฟื้น Easy E-Receipt ที่จะช่วยหนุนต่อยอดขาย BIG-C ด้าน Valuation ปัจจุบันซื้อขายที่ PER67 ที่ 20 และ 68 ที่ 17.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ? 1.76 S.D. ซึ่งถือเป็นระดับใม่แพง
• GULF (อินโนเวสท์เอกซ์) ในไตรมาส 4/67 คาดกำไรจะทำสถิติสูงสุดอีกครั้งจากการขยายกำลังการผลิต โดยมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจากผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการกับ INTUCH ที่จะหนุนให้งบดุลของบริษัทปรับตัวดีขึ้นและช่วยสนับสนุนการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศที่กำลังจะมาถึง รวมถึงการเริ่มต้นวงจรอัตราดอกเบี้ยขาลง
• MTC (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 58.50 บาท บริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่ 1.49 พันล้านบาท +3%QoQ, +16%YoY หนุนจากการขยายตัวของสินเชื่อ รายได้ดอกเบี้ยเติบโต และการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี โดย NPL ลดลงเหลือ 2.8% จากไตรมาส 2/67 ที่ 2.9% สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/67 กำไรยังอยู่ในทิศทางปรับเพิ่มทั้ง QoQ, YoY จากการตั้งสำรองที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลงจากมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางของรัฐ ส่งผลให้ลูกหนี้มีความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มขึ้น ส่วน NIM ที่อาจถูกกดดันจากต้นทุนการเงินหุ้นกู้ชุดใหม่น่าจะชดเชยได้จากการขยายพอร์ตสินเชื่อ ซึ่งในปี 67-68 คาดการขยายตัวของสินเชื่อ 15-20% อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 67-68 ที่ 5.86 พันล้านบาท +20%YoY และ 6.98 พันล้านบาท +19%YoY