IVF เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 3.10 บาท P/E 44.93 เท่า เปิดจองซื้อ 29 พ.ย.-3 ธ.ค.คาดเทรด 11 ธ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 28, 2024 16:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

IVF เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 3.10 บาท P/E 44.93 เท่า เปิดจองซื้อ 29 พ.ย.-3 ธ.ค.คาดเทรด 11 ธ.ค.

บมจ.อินสไปร์ ไอวีเอฟ (IVF) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 130 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 29.55 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ราคาหุ้นละ 3.10 บาท พร้อมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อระหว่างวันที่ 29 พ.ย.-3 ธ.ค.67 และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรก 11 ธันวาคม 2567

วัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนราว 403 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มบริการเวชศาสตร์ป้องกันและฟื้นฟู ด้วยโอกาสทางธุรกิจจากเทรนด์อุตสาหกรรมรักษาผู้มีบุตรยากทั่วโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่จะก้าวสู่การเป็น "ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากด้วยมาตรฐานสากลในระดับแนวหน้าของประเทศและระดับเอเชีย"

IVF เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 3.10 บาท P/E 44.93 เท่า เปิดจองซื้อ 29 พ.ย.-3 ธ.ค.คาดเทรด 11 ธ.ค.

การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิมทุนของบริษัททีเสนอขายในครั้งนี้ พิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อ หุ้นของบริษัท (Price to Earnings Ratio : P/E) ราคาเสนอขายหุ้นละ 3.10 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเท่ากับ 44.93 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด ตังแต่ 1 ต.ค.66 ถึง 30 ก.ย.67 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 30.36 ล้านบาท และคำนวณจากจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขาย IPO ซึ่งเท่ากับ 440,000,000 หุ้น (Fully Diluted) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.07 บาทต่อหุ้น

พร้อมแต่งตั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์ที่กำหนด ได้แก่ บล.คิงส์ฟอร์ด บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง บล.ดาโอ (ประเทศไทย) บล.บียอนด์ บล. ลิเบอเรเตอร์ บล.เอเอสแอล และ บล.ไอร่า

นางสาวเกศิณี กุลดิลก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IVF เปิดเผยว่า รายงานภาพรวมอุตสาหกรรมรักษาผู้มีบุตรยาก (Fertility) โดย Allied Market Research บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับข้อมูลการตลาด ระบุว่า ในปี 70 ตลาดท่องเที่ยวสำหรับผู้มีบุตรยาก (Fertility Tourism) ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 33.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 14.2% ต่อปี ซึ่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงที่สุด ราว 5.62 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 14.7% ต่อปี (ปี 2562-2570) ซึ่ง ?ประเทศไทย? ถือเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของธุรกิจ Fertility Tourism ในเอเชีย ด้วยปัจจัยหนุนของรัฐบาลที่ผลักดันไทยเป็น Medical Hub รวมถึงศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์ และค่ารักษาพยาบาลที่เข้าถึงได้

ตลอดการดำเนินธุรกิจศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากด้วยมาตรฐานสากลของ IVF เป็นเวลากว่า 6 ปี เรามีอัตราความสำเร็จ (Success Rate) ย้อนหลัง 3 ปีตั้งแต่ 64-66 สูงกว่าค่าเฉลี่ยและสูงสุดถึง 70-76% โดยอาศัยข้อได้เปรียบด้านการให้บริการภายใต้มาตรฐานสากล ทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการ เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ตลอดจนลงทุนในเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการตั้งครรภ์ ทั้ง EmbryoScope plus ตู้เลี้ยงตัวอ่อนที่สามารถติดตามการเจริญเติบโตได้แบบเรียลไทม์ พร้อมประเมินคุณภาพด้วยเอไอ, เทคนิค PGT-A/-SR ด้วยเทคนิค SNP Array จาก illumina สหรัฐอเมริกา ที่ช่วยคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมได้อย่างแม่นยำ ฯลฯ เพื่อลดระยะเวลาและเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้บริการ จนเกิดเป็นการตลาดแบบ Word of Mouth ในกลุ่มผู้ใช้บริการเป็นวงกว้าง และขยายฐานลูกค้าต่างชาติได้มากกว่า 80% อาทิ อินเดีย จีน เวียดนาม และออสเตรเลีย

"วัตถุประสงค์การระดมทุนเพื่อขยายสาขาในประเทศและต่างประเทศ (New Market) รวมถึงการเพิ่มบริการเวชศาสตร์ป้องกันและฟื้นฟู (New Service) ตามแผนการก้าวสู่ตำแหน่ง ?ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากด้วยมาตรฐานสากลในระดับแนวหน้าของประเทศและระดับเอเชีย? เพื่อรองรับตลาด Fertility Tourism ในอนาคต ตลอดจนสามารถมอบผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับพันธมิตรและนักลงทุน" นางสาวเกศิณี กล่าว

นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ได้กล่าวเสริมว่า IVF ถือเป็นหุ้นที่น่าจับตามองและเลือกลงทุน โดยจัดเป็นหุ้นที่มีศักยภาพเป็น growth stock ที่มอบผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืน จากแผนการขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ รวมถึงตัวเลขผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี (ปี 64-66) เท่ากับ 11.24 ล้านบาท 63.31 ล้านบาท และ 121.55 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจกลุ่มรักษาผู้มีบุตรยาก

ขณะที่งวด 9 เดือนของปี 67 บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้จากการให้บริการถึง 83.28 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจรักษาผู้มีบุตรยาก 76.61 ล้านบาท (92%) และรายได้จากธุรกิจเวชศาสตร์ฟื้นฟูฯ 6.67 ล้านบาท (8%) ขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสัดส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสัดส่วนของทรัพย์สิน (ROA) จะอยู่ที่ 35.1% และ 19.9% ตามลำดับ

"ผมเชื่อว่า IVF พร้อมก้าวสู่การเป็น ?ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากด้วยมาตรฐานสากลในระดับแนวหน้าของประเทศและระดับเอเชีย? ของคนไทยในเวทีโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้แนวคิด ?Simplicity in Every Step? ที่ทำให้ทุกฝันเป็นเรื่องง่าย และเป็นไปได้จริง ด้วย 5 จุดแข็งสำคัญ ได้แก่ 1. ทีมผู้เชี่ยวชาญ 2. เทคโนโลยีล้ำสมัย 3. การจัดการคุณภาพระดับสากล 4. การดูแลใส่ใจทุกมิติ และ 5. เครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ IVF ยังสร้างความโดดเด่นด้วยอัตราความสำเร็จ 76% ซึ่งนับว่าสูงกว่าข้อมูลอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์เฉลี่ยของประเทศไทย (ที่มา: กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส.)" นายวรชาติ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ