บมจ.โรงพยาบาลนครธน (NKT) เตรียมพร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ไม่เกิน 135,000,000 หุ้น หลังจากกำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นละ 7.60-8.20 บาท เปิดให้รายย่อยจองซื้อในวันที่ 2-4 ธ.ค.นี้ ผ่าน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ บล.ทรีนีตี้ และผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 4 ราย ได้แก่ บล.กรุงศรี บล.กสิกรไทย บล.ทิสโก้ และ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) เพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนโครงการโรงพยาบาลนครธน 2, โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ ขยายจำนวนเตียงของโรงพยาบาลนครธน ชำระเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
รองศาสตราจารย์ ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการบริษัท NKT เปิดเผยว่า โรงพยาบาลนครธน ตั้งอยู่บนถนนพระรามที่ 2 เปิดให้บริการมากว่า 28 ปี ด้วยเจตนารมณ์ของครอบครัวทองสิมาและเครือญาติต้องการสร้างโรงพยาบาลชั้นนำ และมีมาตรฐานการให้บริการทางการแพทย์ในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก เพื่อให้บริการด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีทางการแพทย์ทันสมัย ภายใต้วิสัยทัศน์ "โรงพยาบาลนครธนมุ่งมั่นสู่ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางตามมาตรฐานสากล และให้การดูแลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์"
บริเวณพระราม 2 เป็นทำเลศักยภาพที่จะเป็นเขตเมืองแห่งใหม่ (New Urbanized District) ของกรุงเทพฯ ในอนาคต โดยมีจำนวนโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ตลาดนัด และซุปเปอร์มาร์เก็ตจำนวนมาก และอยู่ใกล้สถานที่ราชการสำคัญหลายแห่ง รวมถึงเป็นถนนสายหลักที่ใช้เดินทางสู่ภาคใต้ของประเทศไทย เชื่อมต่อสู่ย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯด้วยทางด่วน และมีการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
โรงพยาบาลนครธน เป็นอาคาร 12 ชั้น มีจำนวนเตียงที่จดทะเบียน 150 เตียง สามารถให้บริการรักษาโรคที่มีความซับซ้อน (โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ) มีศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง 20 ศูนย์ อาทิ ศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์หัวใจ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ศูนย์กระดูกสันหลัง ศูนย์มะเร็ง และศูนย์ทันตกรรม เป็นต้น และมีแผนกการรักษาผู้ป่วย 1 แผนก ได้แก่ แผนกไตเทียม มีความพร้อมด้านทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาอายุรศาสตร์เฉพาะทางและสาขาเฉพาะทางอื่นๆ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการรักษาเพื่อตอบสนองการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและการรักษา (Medical) แบบองค์รวม
ปัจจุบันมีผู้เข้ารับบริการหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่
1) กลุ่มผู้รับบริการทั่วไป ได้แก่ ประชาชนทั่วไปที่มารับบริการของโรงพยาบาลนครธนและชำระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลด้วยตนเอง 2) กลุ่มผู้รับบริการแบบคู่สัญญาองค์กร ประกอบด้วย กลุ่มคู่สัญญาบริษัทประกัน และกลุ่มคู่สัญญาองค์กรทั่วไปอื่นๆ และ 3) กลุ่มผู้รับบริการตามสิทธิตามกฎหมาย เช่น สิทธิโครงการประกันสังคม สิทธิสวัสดิการข้าราชการภายใต้กรมบัญชีกลาง หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ และสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นต้น
ทั้งนี้ โรงพยาบาลนครธนมีโอกาสจะได้รับผลดีจากปัจจัยสนับสนุนธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย อาทิ การเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลาง โดยศูนย์วิจัยกรุงศรีคาดว่าประชากรไทยจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 11 ล้านคนในปี 2593 และองค์การสหประชาชาติ (United Nations) คาดว่าระดับความเป็นเมือง (Urbanization Rate) ของไทยจะเพิ่มขึ้นจาก 50.4% ในปี 58 เป็น 60.4% ในปี 68 การเจ็บป่วยจากปริมาณโรคเฝ้าระวัง โรคอุบัติซ้ำ และโรคอุบัติใหม่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และ จำนวนประชากรและผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น
แพทย์หญิง ศิเรมอร ทองสิมา ผู้อำนวยการสายงานแพทย์ NKT กล่าวว่า โรงพยาบาลนครธนมีฐานลูกค้าเดิมจำนวนมากและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ป่วยที่มีประวัติการรักษาจากฐานข้อมูล ณ สิ้นปี 66 จำนวน 133,719 ราย เพิ่มขึ้น 37,270 ราย จาก ณ สิ้นปี 62 หรือคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 8.51% ต่อปี มีความร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนำจัดตั้งศูนย์การแพทย์รักษาโรคซับซ้อนและโรคทั่วไปเพื่อขยายฐานผู้ใช้บริการ เช่น ร่วมกับบริษัท บำรุงราษฎร์ สไปน์ เน็ตเวิร์ก จำกัด จัดตั้งศูนย์กระดูกสันหลัง และร่วมกับบริษัท บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก จำกัด จัดตั้งศูนย์มะเร็ง เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังมีความพร้อมให้บริการดูแลและรักษาสุขภาพของผู้ใช้บริการทุกช่วงวัยตั้งแต่แรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุ บริการทางการแพทย์ได้มาตรฐานระดับสากล โดยทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจากหลากหลายสาขา และ มีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำโรงพยาบาลประกันสังคม โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาลนครธน 2 ขนาด 151 เตียง เพื่อมุ่งเน้นให้บริการแก่ผู้ป่วยสิทธิประกันสังคม
บริษัทวางกลยุทธ์การเติบโต ประกอบด้วย 1) มุ่งมั่นก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำระดับประเทศ 2) พัฒนาคุณภาพการให้บริการด้วยบุคลากรและทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ 3) นำเทคโนโลยีมาใช้บริหารจัดการองค์กร 4) ขยายขอบเขตการให้บริการภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ 5) ต่อยอดความแข็งแกร่งของ Brand Image และพัฒนาความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการ 6) ขยายธุรกิจผ่านเครือข่ายของโรงพยาบาลและธุรกิจด้านสุขภาพอื่นๆ และ 7) ขยายการให้บริการแก่กลุ่มผู้รับบริการชาวต่างชาติ โดยได้แต่งตั้งตัวแทนด้านการตลาดในประเทศเมียนมา เพื่อเป็นศูนย์กลางติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย และผู้ที่สนใจเข้ารับบริการทางการแพทย์ สามารถเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลนครธนได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีแผนขยายตลาดในกลุ่มประเทศกัมพูชา และบังกลาเทศ อีกด้วย
บริษัทยังเดินหน้าแผนงานขยายการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโต ได้แก่ โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลนครธน 2 บนถนนเอกชัย จำนวน 151 เตียง คาดลงทุน 900 ล้านบาท คาดจะเปิดให้บริการระยะแรกปี 68 จากนั้นจะยื่นขออนุญาตเป็นโรงพยาบาลประกันสังคมคาดว่าเปิดให้บริการรักษาพยาบาลแก่ผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคมได้ในปี 70 ,โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ ตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลนครธน เพื่อจะเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม คาดใช้ทุน 557 ล้านบาท คาดเปิดปี 69 และ ขยายจำนวนเตียงโรงพยาบาลนครธนอีก 110 เตียง จาก 150 เตียง คาดใช้ทุน 414 ล้านบาท คาดทยอยเปิดปี 68-70