นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า Spot Bitcoin ETFs ได้รับความนิยมจากนักลงทุนมากขึ้น มีเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ (fund flow) ไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคา Bitcoin ในระยะยาว บริษัทฯ จึงได้เปิดเสนอขาย กองทุนเปิดเคแทม Bitcoin ETF Fund of Funds ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KT-BTCETFFOF-UI) (ความเสี่ยงระดับ 8+) กองทุนนี้เป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน โดยจะเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 2 ? 11 ธ.ค. 67 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
"จากการที่เฟดลดดอกเบี้ยเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา และคาดว่าจะปรับลดลงอีก 0.25% ในเดือน ธ.ค.นี้ ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องของเงินเฟ้อได้ รวมถึงแนวโน้มของนโยบายภายใต้รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการผลักดันให้สหรัฐฯ กลายเป็นศูนย์กลางคริปโทเคอร์เรนซีระดับโลก หรือแผนการจัดตั้งคลังสำรองบิตคอยน์แห่งชาติ สิ่งเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้" นางชวินดา กล่าว
Bitcoin คือ รูปแบบของสกุลเงินในอินเตอร์เน็ตเพื่อให้ทั่วโลกใช้ได้ในฐานะสกุลเงินใหม่ และได้รับการสนับสนุนด้วยเทคโนโลยี Blockchain โดยธุรกรรม Bitcoin จะถูกส่งและยืนยันด้วยเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งมีพลังการคำนวณที่แข็งแกร่ง เพื่อใช้ยืนยันธุรกรรมในแต่ละ node (คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายบล็อกเชน หรือสกุลเงินดิจิทัล) พร้อมทั้งจัดเก็บบันทึกไว้ในรายการเดินบัญชีสาธารณะ (Public Ledger) นอกจากนี้ เทคโนโลยี Blockchain จะถูกใช้แทนที่การยืนยันตัวตนผ่านธนาคาร เพื่อเปิดโอกาสให้ Bitcoin สามารถส่งมอบได้ระหว่าง 2 บุคคล โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง
สำหรับกองทุน KT-BTCETFFOF-UI เน้นลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ อาทิ หน่วย CIS และ/หรือ กองทุนรวมอีทีเอฟ และ/หรือหลักทรัพย์ประเภทอีทีพี (Exchange Traded Products : ETP) ซึ่งเป็นกองทุนปลายทาง ตั้งแต่ 2 กองทุน ขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยกองทุนจะลงทุนในกองทุนปลายทางทั่วโลกที่มีนโยบายการลงทุนและ/หรือสร้างผลตอบแทนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ในสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ ซึ่งกองทุนสามารถลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ในสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์สูงสุดได้ไม่เกิน 100% ของ NAV ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่งโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกิน 79% ของ NAV
โดยจุดเด่นของ KT-BTCETFFOF-UI มาจากการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลได้ง่ายโดยผ่านกองทุนรวม ทั้งยังไม่ต้องเผชิญกับต้นทุนการซื้อขายที่สูงและความซับซ้อนของการรายงานด้านภาษีที่เกิดจากการลงทุนใน Bitcoin โดยตรง นอกจากนี้ กองทุนนี้ยังได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการของบริษัทจัดการระดับโลกอย่าง Blackrock และ Fidelity เพื่อบริหารจัดการด้านความปลอดภัยของการเก็บเหรียญ อีกด้วย โดยเบื้องต้นคาดว่ากองทุนจะลงทุนมากกว่า 20% ในกองทุน iShares Bitcoin Trust ETF (IBIT) และกองทุนFidelity Wise Origin Bitcoin Fund (FBTC) อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการลงทุนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน (ที่มา: KTAM, ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 67, เนื่องจากกองทุนยังไม่เริ่มลงทุน ดังนั้นข้อมูลข้างต้นจึงเป็นเพียงประมาณการเท่านั้น สัดส่วนการลงทุนจริงอาจแตกต่างจากข้อมูลข้างต้นได้)
นอกจากนี้ ปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น มาจากหลายปัจจัย อาทิเช่น การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่เป็นตัวผลักดันให้เกิดการปฏิรูปทั่วทุกอุตสาหกรรม ความเชื่อมั่นในระบบการเงินแบบดั้งเดิมที่ลดลง รวมถึงโครงสร้างประชากร โดยเทียบกับ Baby Boomer นั้น นักลงทุนรุ่น Millennial และGen Z ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลในสัดส่วนที่สูงกว่า (ที่มา: Investopedia Financial Literacy Survey, ข้อมูล ณ ก.พ. 2565) นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานของสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังเติบโต สามารถช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงได้