นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพการบิน (BA) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออกที่ดำเนินการผ่านบริษัทร่วมทุน บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) ว่า โครงการยังไม่ได้รับหนังสือให้เริ่มงาน (NTP) แต่อย่างใด เนื่องจากเริ่มแรกโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ ผูกติดไว้กับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา) ที่ต้องมีข้อตกลงในแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนก่อน สำนักงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จึงจะออกหนังสือ NTP ได้ แต่จนถึงวันนี้โครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ยังไม่มีข้อตกลงหรือความชัดเจนของโครงการออกมาเลย
ดังนั้น ทาง UTA อยู่ระหว่างเตรียมแผนสำรองหากโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ไม่สามารถเกิดขึ้นจริง และจะเจรจา EEC ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ UTA เพราะเงื่อนไขของโครงการฯ ในสัญญาใกล้จะครบกำหนดในเดือน มิ.ย.68 หรือ 5 ปี ทั้งนี้ หากไม่มีโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ทางบริษัทก็ต้องมาปรับรูปแบบ รวมถึงตัวเลขเงินลงทุนที่อาจมีการปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะพาร์ทเนอร์ที่จะเข้าร่วมโครงการ และสถาบันการเงินที่อาจจะต้องพูดคุยกันใหม่ โดยมองว่าอาจส่งผลกระทบทำให้การหาแหล่งเงินทุนยากขึ้น
นายพุฒิพงศ์ กล่าวว่า จะเจรจาดีลกับ EEC ให้เสร็จภายในไตรมาส 1/68 ก่อนที่สัญญาใกล้หมดอายุ
"ถ้าไม่มีรถไฟฯ ก็ต้องมาปรับแผน ต้องคิดว่าตัวเลขเปลี่ยนไปยังไง ดูความเป็นไปได้ จะไปคุยกับ EEC ตัวเลขลงทุนต้องยืดหยุ่นรับกับแผนที่ปรับเปลี่ยนไป"
นายพุฒิพงศ์ กล่าวว่า UTA ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วเดินหน้าเฟส 0 ไปเป็นเงินลงทุนราว 4 พันล้านบาท แต่ยังไม่สร้าง โดยเฟสแรก จะสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่ ขนาดรองรับ 8 ล้านคน/ปี และเมืองการบินบางส่วนจะมีโรงแรม ศูนย์การค้า ร้านอาหาร Entertainment City แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะมีกาสิโนแม้ว่ารัฐบาลมีแนวคิดที่จะสนับสนุน รวมถึงการจัดกิจกรรม งาน Exhibition หรืองานที่ดึงดูดให้มีการเดินทางเข้ามาใช้บริการ อาทิ สนามแข่งรถ เป็นต้น
ทั้งนี้ UTA ที่มีผู้ร่วมทุน 3 ราย ได้แก่ BA ถือสัดส่วน 45% บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ถือหุ้น 35% และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) 20% ซึ่งล่าสุด UTA ได้เพิ่มทุนจาก 4,500 ล้านบาท เป็น 15,000 ล้านบาท