นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แม็คกรุ๊ป (MC) เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปีบัญชี 68 (1ต.ค. - 31 ธ.ค.67) ว่า มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากงวดไตรมาส 1 ปีบัญชี 68 ที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเปรียบเทียบงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 129 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 15.1% เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับงวดเดียวกัน ของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 14.4% และบริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin: GP) ให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในไตรมาส 1 นี้ ที่ระดับ 65.3%
ทั้งนี้ในงวดไตรมาส 2 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเป็นไฮซีซั่นของการใช้จ่าย และเป็นช่วงที่รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและมาตรการลดหย่อนภาษี ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจตามแผนงาน นำเสนอคอลเลคชั่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง หลังจากการเปิดตัวแม็คยีนส์แบรนด์แอมบาสเดอร์ "อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม" และ "อนันดา เอเวอริงแฮม" บริษัทฯ เห็นการเติบโตของยอดขายที่ดีขึ้น ล่าสุดได้นำเสนอคอลเลคชั่น Mc Gold Selvedge, Mc Journey และ Mc X?mas Series ไอเท็มสีสันสดใสต้อนรับเทศกาลเฉลิมแห่งความสุขส่งท้ายปี
"เรามีความมั่นใจว่าจะมีกำไรเติบโตต่อเนื่อง และในช่วงไตรมาส 2 คาดว่าจะโตจากไตรมาสแรก และเมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นฤดูกาลการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวเดินทาง แม็คยีนส์ เรามีทั้งผลิตภัณฑ์ยีนส์ สินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครัน" นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าว
บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญในการขายสินค้าผ่านช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ที่มียอดขายโตต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1 ปีบัญชี 68 บริษัทฯ มีรายได้รวม 842 ล้านบาท ซึ่งรายได้จากช่องทางออนไลน์รวม 125 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26 ล้านบาทหรือ 25.7% หนุนให้สัดส่วนรายได้จากร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) เพิ่มขึ้น 15% จาก 11% เทียบกับเมื่องวดเดียวกันของปีก่อน โดยช่องทางการขายออนไลน์ผ่าน TIKTOK นั้นถือว่าเติบโตได้ดีมาก จะช่วยสนับสนุนให้การขายผ่านช่องทางออนไลน์โตขึ้นได้อีก หนุนให้อัตรากำไรสุทธิดีขึ้น รวมถึงบริษัทฯ ยังคงมีแผนลงทุนขยายร้านค้าปลีกของตัวเอง และปรับปรุงจุดขายเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเปิด 15 จุดในปีบัญชีนี้
"บริษัทฯ มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ณ วันที่ 30 ก.ย.67 กลุ่มบริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้น 3,876 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135 ล้านบาท เปรียบเทียบกับวันที่ 30 มิ.ย.67 ที่มีส่วนของผู้ถือหุ้น 3,741 ล้านบาท เป็นผลจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น 133 ล้านบาท และยังคงเป็นบริษัทฯ ที่มีสภาพคล่องดี กลุ่มบริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราว 1,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135 ล้านบาท จากวันที่ 30 มิ.ย.67" นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าว
นอกจากนี้ในส่วนของนโยบายจ่ายเงินปันผลนั้น ผู้ถือหุ้นยังคงได้รับเงินปันผลในอัตราเกือบ 100%ต่อเนื่องมานับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยปีบัญชี 67 บริษัทฯ จ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.90 บาท ซึ่งได้จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 22 พ.ย.67 ที่ผ่านมา