(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งตัวไร้ปัจจัยใหม่ จับตาตัวเลขแรงงานสหรัฐคืนนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 6, 2024 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งออกด้านข้าง ไร้ปัจจัยใหม่มีผลต่อดัชนี โดยนักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร และอัตราการว่างงานของสหรัฐ ในคืนนี้ เพื่อประเมินทศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนธ.ค.

ขณะที่การประชุม โอเปกพลัส (OPEC+) เมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.) มีมติเลื่อนการเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันออกไปอีก 3 เดือนจนถึง เม.ย. 68 จากเดิมที่จะเลื่อนในเดือนม.ค. 68 ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาด และมองว่าภาวะตลาดน้ำมันยังอยู่ในภาวะ Oversupply ดังนั้นประเด็นดังกล่าวอาจไม่ได้เป็นแรงหนุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน

สำหรับตลาดหุ้นไทยระยะสั้นมีสัญญาณที่ดีขึ้น จากเม็ดเงินนักลงทุนสถาบันในประเทศที่เริ่มซื้อสุทธิมากขึ้นในเดือนนี้ อย่างไรก็ตามเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติยังเป็นภาพซื้อสลับขาย ทั้งนี้นักลงทุนรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ

พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,445 จุด และแนวต้าน 1,465 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (4 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,765.71 จุด ลดลง 248.33 จุด หรือ -0.55%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,075.11 จุด ลดลง 11.38 จุด หรือ -0.19% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,700.26 จุด ลดลง 34.86 จุด หรือ -0.18%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 39,371.56 จุด ลดลง 24.04 จุด หรือ -0.06% ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,370.94 จุด เพิ่มขึ้น 2.08 จุด หรือ +0.06% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 19,611.62 จุด เพิ่มขึ้น 51.18 จุด หรือ +0.26%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ธ.ค.) ที่ 1,450.82 จุด ลดลง 3.94 จุด (-0.27%) มูลค่าการซื้อขาย 37,977.55 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 775.73 ล้านบาท (4 ธ.ค.)
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (4 ธ.ค.) ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.35% ปิดที่ 68.3 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ธ.ค.67) อยู่ที่ 6.23 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.09 บาท/ดอลลาร์ ทยอยแข็งค่ารับดอลลาร์อ่อน จับตาข้อมูลจ้างงานสหรัฐคืนนี้
  • "แบงก์ไทย" ผวาเศรษฐกิจลาว "ชะลอตัวหนัก" เหตุ "เงินกีบ" อ่อนค่า "ดอกเบี้ยนโยบาย" พุ่งแตะ 10.5% กระทบต้นทุนทำธุรกิจ "กรุงศรีฯ" ปรับกลยุทธ์ชะลอปล่อยกู้รถใหม่ หลังกระทบมาร์จิน-ดีมานด์หด "ไทยพาณิชย์" ชี้ยังไม่กระทบ ด้าน "ธนาคารทองคำลาว" ยันไม่อยากให้แบงก์ไทย ลดลงทุน เชื่อรัฐบาลกำลังหาทางกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้าน 'สภาธุรกิจไทย-ลาว' รับลงทุนไทยในลาวชะลอตัว ส่งผลแบงก์ไทยเข้มปล่อยกู้ลงทุนลาว
  • ก.ล.ต. ผนึก ตลท. ขานรับนโยบาย รมว.คลัง เดินหน้าสร้างแพลตฟอร์ม "ตลาดคาร์บอนเครดิต" คาดชัดเจนแถลงนโยบายต้นปี 68 พร้อมหารือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เผยศึกษาหลากหลายรูปแบบ ทั้ง "อินเวสต์เมนต์โทเคน-บริการซื้อขายโมเดลญี่ปุ่น" หนุนเป้าศูนย์กลางอาเซียน และ "เน็ต ซีโร่"
  • "กลุ่ม ปตท."ย้ำเป้าหมาย ความยั่งยืน สร้างโมเดลธุรกิจ เทคโนโลยี ลดต้นทุน-ลดคาร์บอน ชูเทคโนโลยี "CCS-ไฮโดรเจน" เคลื่อนปตท.สู่เป้า Net Zero ปี 2050 "โออาร์" ชู 4 กลยุทธ์ ขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนเร่งพัฒนาต้นน้ำ เดินหน้าไปสู่ Community Mall และนำเทคโนโลยีมาใช้ในองค์กร เคียงคู่คนตัวเล็ก "ไทยออยล์" ปรับโครงสร้างผสานความร่วมมือ ดันองค์กรสู่เป้า Net Zero ปี 2060

หุ้นเด่นวันนี้

  • PRM (กสิกรไทย) แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 10.34 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ PRM จากผลการประชุมนักวิเคราะห์ที่ผ่านมา โดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/67 จะยังคงแข็งแกร่งจากช่วงไฮซีซันทั้งในส่วนของเรือบรรทุกน้ำมันภายในประเทศ (Domestic tanker) และเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ (VLCC vessel) นอกจากนี้คาดว่าในปี 68 จะมีเรือเพิ่มขึ้นอีก 3 ลำ ประกอบด้วยเรือสำหรับธุรกิจคลังน้ำมันลอยน้ำ (FSU) 1 ลำที่เพิ่งรับมอบเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนก.พ.ปีหน้า และเรือขนส่งพนักงาน (Crew boat) อีก 2 ล่า ส่งผลให้เราปรับประมาณการเพิ่มขึ้น 5% สำหรับปี 67 และคาดการเติบโต 11-15% ในปี 68-69 ขณะที่มูลค่าหุ้นยังไม่แพง โดยมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรปี 68 ที่ประมาณ 9 เท่า
  • DUSIT (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 15 บาท Dusit Thani Bangkok กลับมาเปิดให้บริการในเดือน ก.ย. โดยคาดว่าจะเห็น Occupancy Rate ทยอยเร่งขึ้นเป็น 30-50% ในเดือน ธ.ค. และ 60-70% ในปี 68 เราคาดผลการดำเนินงานจะพลิกมีกำไรใน 4Q67 และปี 68 หนุนจากการโอนโครงสร้างศูนย์การค้าและห้องพักอาศัย เราคาด DUSIT จะมีกำไร 264 ล้านบาท ในปี 68 และเรงขึ้นเป็น 1.7 พันล้านบาทปี 69 และหากไม่รวมกำไรจากการขยายอสังหาฯ คาดกำไรปี 69 ที่ 350 ล้านบาท
  • PR9 (เมย์แบงก์) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 32 บาท และเลือกให้เป็น Top pick ในกลุ่มโรงพยาบาล เรามองว่า valuation ของ PR9 ยังคงน่าสนใจ ซื้อขาย PER68 ที่ 24 เท่าใกล้เคียงกลุ่ม แต่กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยที่ 14% CAGR ในปี 67-69 สูงสุดในกลุ่ม โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1.การเพิ่มขึ้นมากของลูกค้าตะวันออกกลางหลังเจาะตลาดได้สำเร็จ 2. จำนวนเตียงเพียงพอหลังจากผ่านช่วงการลงทุนสูงไปแล้ว 3. บริการคุณภาพสูงในราคาที่แข่งขันได้ ทั้งนี้ประมาณการเราสูงกว่าตลาดคาด 2-6% แนวโน้มกำไรมี Momentum ที่ดีโดยเราคาด ขยายตัว +13% YoY และ+2% QoQ) ซึ่งเป็นการสูงสุดในกลุ่มโรงพยาบาล และคาดเป็นโรงพยาบาลเพียงแห่งดียวในกลุ่ม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ