นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ มองหาธุรกิจที่เป็น New S-curve ใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มบรรจุภัณฑ์ 2.กลุ่มงานชิ้นส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ และ 3.กลุ่มธุรกิจ Healthcare
และด้วยธุรกิจ New S-curve ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ ประเมินภาพรวมการดำเนินงานในปี 2568 มีทิศทางเติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ คาดการอัตราการเติบโตของรายได้รวมเพิ่มขึ้น 15% เป็นผลมาจากกลุ่มธุรกิจใหม่ (New S-curve) อย่างกลุ่มธุรกิจ Healthcare ประกอบด้วย 2 กลุ่มธุรกิจที่บริษัทฯ ได้มีการลงทุนในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ 1.กลุ่มงานบริการซักผ้าอุตสาหกรรมและ 2.กลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์
โดยทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจดังกล่าว เริ่มสร้างรายได้ให้บริษัทฯ ผลักดันผลการดำเนินงานในปี 68 เติบโตแบบก้าวกระโดด และคาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 69 ดังนั้นในอนาคตสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจใหม่จะเติบโตย่างมีนัยยะสำคัญ ประกอบกับกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งจะผลักดันให้ภาพรวมของอัตรากำไรของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้น
จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ในปี 68 PJW จะมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจ Healthcare อยู่ที่ระดับ 25% และในปี 69 จะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของรายได้รวม เนื่องจาก บริษัทฯ จะมีรายได้จากการจำหน่วยวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ อย่าง ถุงน้ำยาล้างไตผ่านหน้าท้อง ซึ่งคาดว่าสร้างยอดขายประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี
สำหรับกลุ่มงานบริการซักผ้าอุตสาหกรรม ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าหลักมาจากโรงพยาบาล เช่น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล, โรงพยาบาลพระราม 9, โรงพยาบาลบีเอ็นเอช (BNH) และโรงพยาบาลศิริราช เป็นต้น ทำให้ปัจจุบัน บริษัทฯ มี Backlog ในมือแล้ว 360 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 67ต่อเนื่องถึงปี 68 ส่งผลให้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวในปี 68 ที่ระดับ 600 ล้านบาท
ขณะที่กลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ ในปี 72 จะเห็นสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจ Healthcare เพิ่มเป็น 50% ของพอร์ต จากการจำหน่ายวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์เพิ่มขึ้น 3 ผลิตภัณฑ์ 1.เครื่องให้ความชื้นหัวเตียง (Oxygen Humidifier) โดย บริษัทฯ จะเป็นผู้ผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า และมีคุณสมบัติที่จะส่งออกไปในภูมิภาคอาเซียน โดยในปี 68 บริษัทฯ มีการทำตลาดในประเทศไทย และคาดว่าจะทยอยส่งออก เพื่อเจาะตลาดต่างประเทศในปี 69 2.สายยางสำหรับผู้ป่วยฟอกไต คาดว่าจะทำตลาดในปี 68 และ 3.ถุงน้ำยาล้างไตผ่านหน้าท้อง คาดปี 69 จะสามารถจำหน่ายได้
"ในปี 67 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้จากกลุ่มงานบริการซักผ้าอุตสาหกรรม ประมาณ 360 ล้านบาท และในปี 68 รายได้จะเพิ่มขึ้นเกือบ 600 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้จากกลุ่ม Healthcare แตะระดับ 700-800 ล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วนรายได้ 60-70% มาจากกลุ่มงานบริการซักผ้าอุตสาหกรรม ขณะที่รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ อยู่ที่ 30-40% โดยจะมีอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่ม Healthcare อยู่ในระดับที่สูงกว่ากลุ่มธุรกิจเดิม (กลุ่มบรรจุภัณฑ์ และกลุ่มงานชิ้นส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์) หรืออยู่ที่ระดับ 22-25% (จากอัตรากำไรขั้นต้นรวมของบริษัทฯอยู่ที่ระดับ 18-20%" นายวิวรรธน์ กล่าว
ในปี 68 PJW มีแผนปรับ Portfolio โดยพอร์ตของธุรกิจใหม่จาก New S-curve จะมีสัดส่วนรายได้เข้ามาเป็น 25% ขณะเดียวกันอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ จะเติบโต จากเดิมที่เคยทำได้ระดับ 18-20% เพิ่มเป็น 20-23% ขณะที่รายได้ของบริษัทฯ จะมีความมั่นคงมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มธุรกิจ Healthcare จะเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้แบบคงที่ นอกจากนี้ ในปี 69 บริษัทฯ เตรียมนำสินค้ากลุ่ม Healthcare เจาะตลาดต่างประเทศ
สำหรับกลุ่มบรรจุภัณฑ์ เป็นธุรกิจ Cash cow (กลุ่มที่ยังทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ) มีการเติบโตต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มงานชิ้นส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 67 มีการชะลอตัว แต่ในปี 68 ยอดขายจากกลุ่มยานยนต์ของ PJW จะกลับมาดีขึ้น โดยเฉพาะในปี 69 จะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจาก backlog ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยล่าสุดบริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแม่พิมพ์เพิ่ม