นายยศวีร์ สุทธิกุลพานิช ผู้บริหารสายงาน Investment Banking and Capital Market ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและตัวแทนบล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เปิดจองซื้อหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 135,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25.23% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ครั้งนี้ ของบมจ. โรงพยาบาลนครธน (NKT) ต่อนักลงทุนรายย่อยเมื่อวันที่ 2 - 4 ธ.ค.ม 67 ร่วมกับการสำรวจความต้องการจองซื้อของนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) ที่ผ่านมา พบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันเป็นจำนวนมาก
บริษัทฯ และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย จึงได้พิจารณากำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ที่ราคาหุ้นละ 7.80 บาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตในอนาคตของ บมจ.โรงพยาบาลนครธน ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ที่มีเป้าหมายยกระดับสู่การเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำระดับประเทศ
สำหรับเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ NKT จะนำไปใช้ลงทุนโครงการโรงพยาบาลนครธน 2 โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ ขยายจำนวนเตียงให้บริการของโรงพยาบาลนครธน ชำระเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ ในวันที่ 9-12 ธ.ค.67 เสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบันและนิติบุคคลที่สามารถเข้าร่วมการสำรวจความต้องการซื้อ ซึ่งกลุ่มนี้ได้รับจัดสรรเสนอขายประมาณ 33,750,000 หุ้น
นายคงสิทธิ์ หันจางสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 1 บล.ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของ บมจ.โรงพยาบาลนครธน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน โดยมีปัจจัยมาจากศักยภาพของโรงพยาบาลนครธนที่มีความสามารถให้บริการรักษาโรคที่มีความซับซ้อน มีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย
โดยมีจุดเด่น ได้แก่ 1) เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญและมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยในกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก สามารถให้การรักษาแบบครบวงจร (One Stop Service) 2) อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพเป็นเมืองแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ในอนาคต 3) มีฐานลูกค้าเดิมจำนวนมากและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ป่วยที่มีประวัติการรักษาจากฐานข้อมูลของโรงพยาบาลนครธน ณ สิ้นปี 2566 จำนวน 133,719 ราย เพิ่มขึ้น 37,270 ราย จาก ณ สิ้นปี 2562 ที่มีจำนวน 96,449 ราย คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 8.51% ต่อปี
4) มีความร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนำจัดตั้งศูนย์การแพทย์รักษาโรคซับซ้อนและโรคทั่วไปเพื่อขยายฐานผู้ใช้บริการ เช่น ร่วมกับบริษัท บำรุงราษฎร์ สไปน์ เน็ตเวิร์ก จำกัด จัดตั้งศูนย์กระดูกสันหลัง และร่วมกับบริษัท บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก จำกัด จัดตั้งศูนย์มะเร็ง เป็นต้น 5) มีความพร้อมให้บริการดูแลและรักษาสุขภาพของผู้ใช้บริการทุกช่วงวัยตั้งแต่แรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุ 6) บริการทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานระดับสากล และ 7) มีศักยภาพเป็นผู้นำโรงพยาบาลประกันสังคม โดยอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงพยาบาลนครธน 2 เพื่อมุ่งเน้นให้บริการแก่ผู้ป่วยสิทธิประกันสังคม
รศ. ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการบริษัท NKT เปิดเผยว่า โรงพยาบาลนครธน เปิดให้บริการมากว่า 28 ปี ตั้งอยู่บนถนนพระรามที่ 2 ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพจะเป็น "เขตเมืองแห่งใหม่" (New Urbanized District) ของกรุงเทพฯ ในอนาคต โดยมีจำนวนโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ตลาดนัด และซุปเปอร์มาร์เก็ตจำนวนมาก นอกจากนี้ ทำเลที่ตั้งของโรงพยาบาลนครธนยังตั้งอยู่ใกล้สถานที่ราชการสำคัญ เช่น สำนักงานเขตบางขุนเทียน และสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางขุนเทียน เป็นต้น รวมถึง พระราม 2 เป็นถนนสายหลักที่มุ่งสู่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ และใช้เดินทางสู่ภาคใต้ของประเทศไทย สามารถเชื่อมต่อสู่ย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ ด้วยทางด่วน และมีการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
นายวิศาล สายเพ็ชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NKT กล่าวว่า บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การเติบโต ประกอบด้วย 1) มุ่งมั่นก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำในระดับประเทศ 2) พัฒนาคุณภาพการให้บริการด้วยบุคลากรและทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ 3) นำเทคโนโลยีมาใช้บริหารจัดการองค์กร 4) ขยายขอบเขตการให้บริการภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ 5) ต่อยอดความแข็งแกร่งของ Brand Image และพัฒนาความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการ 6) ขยายธุรกิจผ่านเครือข่ายของโรงพยาบาลและธุรกิจด้านสุขภาพอื่นๆ และ 7) ขยายการให้บริการแก่กลุ่มชาวต่างชาติ โดยได้แต่งตั้งตัวแทนด้านการตลาดในเมียนมา เพื่อเป็นศูนย์กลางติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายและผู้ที่สนใจเข้ารับบริการทางการแพทย์ สามารถเดินทางมาประเทศไทยเพื่อรับบริการที่โรงพยาบาลนครธนได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงได้ขยายไปยังประเทศกัมพูชาและบังคลาเทศอีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโต ได้แก่ 1) โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลนครธน 2 บนถนนเอกชัย จำนวน 151 เตียง คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่เกี่ยวข้องประมาณ 900 ล้านบาท และคาดว่าจะเปิดให้บริการแก่ผู้รับบริการทั่วไปที่ชำระเงินเองในระยะเริ่มแรก และเริ่มรับรู้รายได้ประมาณปี 2568 หลังจากนั้นจะยื่นขออนุญาตเป็นโรงพยาบาลประกันสังคมในช่วงต้นปี 2569 คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการขออนุญาตประมาณ 1 ปี และคาดว่าจะเปิดให้บริการรักษาพยาบาลแก่ผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคมได้ประมาณปี 2570
2) โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ ซึ่งจะตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลนครธน เพื่อจะเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่เกี่ยวข้องประมาณ 557 ล้านบาท และคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ประมาณปี 2569 และ 3) โครงการขยายจำนวนเตียงให้บริการของโรงพยาบาลนครธนอีก 110 เตียง จากปัจจุบัน 150 เตียง เป็น 260 เตียง คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่เกี่ยวข้องประมาณ 414 ล้านบาท และคาดว่าจะทยอยเปิดบริการปี 2568-2570