นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) ระยะยาวปรับตัวดีขึ้น หลังจากวันนี้หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,420 จุด โดยมองว่าเป็นปัญหาระยะสั้น ขณะที่สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) ประเมินดัชนี SET สิ้นปี 67 อยู่ที่ 1,494 จุด
และทิศทางตลาดหุ้นไทยปี 68 คาดว่าจะขึ้นไปอยู่ที่ 1,614 จุด โดยมีปัจจัยหนุนจากโอกาสในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น รวมทั้งการขยายตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจไทยที่จะหนุนให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนดีขึ้นตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ขณะที่กระแสการลงทุนที่มีการโยกย้ายเข้ามาสู่ภูมิภาคอาเซียนจะเป็นอีกหนึ่งส่วนที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย สะท้อนจากตัวเลขการส่งออก การผลิต และการสร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย โดยกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นจะช่วยสนับสนุน Valuation ของตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไป
อย่างไรก็ตาม มองความเสี่ยงที่ต้องติดตาม 3 ประเด็น ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู เพราะส่งผลทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวในระยะเวลาหนึ่ง และ สงครามการค้าที่เกิดจากนโยบายภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ
รวมถึงความเสี่ยงจากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังต้องติดตามต่อว่าจะลุกลามมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม นโยบายของทรัมป์ที่ไม่สนับสนุนสงครามเป็นสิ่งที่ดี และทำให้ทุกประเทศเตรียมตัวเพื่อรับมือความขัดแย้งที่อาจมากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะบริษัทต่าง ๆ จะมีการโยกย้ายเข้าสู่อาเซียนอย่างต่อเนื่องในช่วงถัดไป
นายกอบศักดิ์ มองแนวโน้มเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติว่า ปัจจุบันสภาพคล่องมีอยู่มากในตลาดโลก ซึ่งสุดท้ายต้องหาที่ลงทุน ซึ่งหากเศรษฐกิจไทยฟื้น การท่องเที่ยวเริ่มกลับมา การเติบโตของภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง ความเชื่อมั่นจะเริ่มกลับมา รวมทั้งเทรนด์ด้าน ESG ซึ่งบริษัทในไทยดำเนินการด้าน ESG มากที่สุดในอาเซียน ก็จะช่วยให้มีการลงทุนเข้ามาในประเทศเพิ่มมากขึ้น