นักวิเคราะห์ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้เริ่มยืนตั้งฐานได้หลังแรงกดดันจากต่างประเทศลดลงเมื่อซึมซับประเด็นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอลดดอกเบี้ยในปีหน้าไปแล้ว นอกจากนี้ ตัวเลข Core PCE ต่ำคาดช่วยลดความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐ ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหวังช่วยหนุนบรรยากาศลงทุน แต่อาจยังเห็นการปรับพอร์ตจากหุ้น TOP อยู่ พร้อมให้กรอบแนวรับ 1,355 จุด และแนวต้าน 1,375 จุด
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดเริ่มยืนตั้งฐานได้ เนื่องจากแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศน่าจะเบาลง หลังจากซึมซับประเด็นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้าไปมากแล้ว นอกจากนี้ ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐ ซึ่ง Core PCE เดือนพ.ย.ลดลงกว่าช่วยลดความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐ
ขณะที่ปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น โครงการ Easy E-reciept ซึ่งน่าจะ ช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น แม้ปัจจัยลบในหุ้น TOP อาจยังทำให้เห็นแรงปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติอยู่ แต่โดยรวมมองว่าตลาดหุ้นไทยพยายามสร้างฐานและลุ้นดีดขึ้นได้ในช่วงปลายปี
พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,355 จุด และแนวต้าน 1,375 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (20 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,840.26 จุด เพิ่มขึ้น 498.02 จุด หรือ +1.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,930.85 จุด เพิ่มขึ้น 63.77 จุด หรือ +1.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,572.60 จุด เพิ่มขึ้น 199.83 จุด หรือ +1.03%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 39,040.72 จุด เพิ่มขึ้น 338.82 จุด หรือ +0.87% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 19,843.65 จุด เพิ่มขึ้น 122.95 จุด หรือ +0.62% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดที่ระดับ 3,367.90 จุด ลดลง 0.17 จุด หรือ -0.005%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ธ.ค.) ที่ 1,365.07 จุด ลดลง 12.46 จุด (-0.90%) มูลค่าการซื้อขายราว 60,167.64 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (20 ธ.ค.) 2,106.54 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.(20 ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.12% ปิดที่ 69.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ธ.ค.) อยู่ที่ 5.13 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.27/29 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า รับดอลลาร์อ่อนค่า หลังข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐต่ำคาด
- "นิด้าโพล" เผยผลสำรวจปี 67 "คนไทย" ไม่มีความสุข ปัญหาการเงิน ค่าครองชีพสูง พบกว่าครึ่งเหนื่อยหน่ายปัญหาเศรษฐกิจ ภัยไซเบอร์ การเมืองวุ่นวาย ยาเสพติด ราคาพลังงาน ขณะที่รัฐบาลยืนยันปี 68 สามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้
- "จุลพันธ์" ปักธงเตรียมชง ครม.เดินเครื่องขายสลากการกุศล 11 ล้านฉบับ วงเงิน 10,000 ล้านบาท นำเงินฟื้นนโยบายทุน ODOS ยุคทักษิณ ส่งเด็ก-เยาวชนเรียนหนังสือ เมินข้อครหาปลุกผีนโยบายเก่า แจงไม่กำหนดนโยบายด้วยศักดิ์ศรี ชี้เป็นประโยชน์กับประเทศก็พร้อมจะทำ
- นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เผยสัปดาห์นี้จะเสนอแผนการคลังระยะปานกลางปีงบประมาณ 69-73 ให้ ครม.อนุมัติ เน้นรักษาขาดดุลระดับเดิมหรือลดลงเพื่อรักษาสมดุลการคลัง และยังคงสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ไว้ที่ 70% ตามกรอบวินัยเดิมเนื่องจากยังไม่มีเหตุจำเป็นต้องกู้เงินใหม่ โดยแผนการคลังใน 4 ปีข้างหน้า ต้องทำให้การขาดดุลลดลงเรื่อยๆ จนนำไปสู่งบฯ สมดุล
- ตลท.-โบรกจ่อถกค่าคอมฯ เล็ง 'ยืด-ปรับ' Uptick Rule ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยหารือกับโบรกเกอร์เกี่ยวกับค่าคอมฯ ซื้อขายหุ้นอยู่ตลอด มองการแข่งขันอยู่ที่การบริการและกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ชี้หลังบังคับใช้ "Uptick Rule" ช่วยลดวอลุ่มชอร์ตเซล ส่วนจะใช้ต่อหรือปรับรูปแบบอยู่ระหว่างประเมิน ด้านเลขาฯ ก.ล.ต.ย้ำอยากเห็นโบรกฯ ควบรวมกันเพื่อความเข้มแข็ง
- ท่องเที่ยวไทยปีใหม่ 2568 คึกคัก สายการบินสยายปีกเข้าไทยร่วม 1.8 หมื่นเที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14% ททท.คาดเงินสะพัด 6.2 หมื่นล้านบาท จากต่างชาติเที่ยวไทย 1.56 ล้านคน ไทยเที่ยวไทย 4.41 ล้านคนครั้ง ลุยจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ทั่วไทย ไฮไลต์ 'ลิซ่า-แบมแบม' แรงหนุนเคาท์ดาวน์ ธุรกิจโรงแรมเฮบุ๊คกิ้งพุ่ง ภูเก็ตต่างชาติเพียบ
*หุ้นเด่นวันนี้
- ICHI (เมย์แบงก์) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 20.60 บาท คาดการเติบโตของยอดขาย-EPS ปีงบ 68-69 ทิศทางดีได้รับแรงหนุนจาก 1) ส่วนแบ่งตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น 2) การขยายช่องทางจำหน่าย และ 3) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการเพิ่มประสิทธิภาพและต้นทุนวัตถุดิบลดลง, คาดการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของยอดขาย-กำไรหลักที่ 7% และ 9% ปีงบ 68-69 ราคาหุ้นซื้อขาย PER67/68 ที่ 13.2/12 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี -0.8 S.D. ปันผลจูงใจ 7.7% ปี 67 และ 8.4% ปี 68 สูงสุดกลุ่มเครื่องดื่มที่เราศึกษาที่จ่ายปันผลในช่วง 1.8-4.9% ระยะสั้นเราเชื่อยังมีโอกาสที่จะได้แรงหนุนจากเม็ดเงิน TESG และได้ประโยชน์มาตรการกระตุ้นภาคบริโภคช่วง Q1/68
- MTC (กสิกรไทย) "ซื้อ" ราคาพื้นฐาน 55.50 บาท มุมมองเชิงบวกต่อคาดผลประกอบการไตรมาส 4/67 เติบโตทั้งเทียบกับปีก่อนและไตรมาสก่อน ตามสินเชื่อโต 15% ทั้งปี 67 และต้นทุนทางเครดิตที่กลับสู่ภาวะปกติหลังปรับปรุงพอร์ดสินเชื่อ คาดต้นทุนทางการเงินจะเริ่มลดลงตั้งแต่ไตรมาส 3/68 และได้ประโยชน์บอนด์ยีลด์ 10 ปีลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ 2.2-2.3% คาด ธปท.ลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 68 และประเมินมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ล่าสุดกระทบจำกัดต่องบการเงิน
- OSP (ฟินันเซียไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 28 บาท สัญญาณบวกต่อเนื่องสำหรับส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ล่าสุดเดือนพ.ย.ส่วนแบ่งเชิงมูลค่าปรับขึ้นต่อเนื่องมาที่ 45.4% จาก 45% ใน ต.ค.เช่นเดียวกับ CBG หมายถึงคู่แข่งอันดับ 3 อย่าง KTD มีส่วนแบ่งตลาดลดลง กลยุทธ์เน้นออกสินค้าใหม่และสร้างตลาดด้วยสินค้าราคาสูงกว่า 10-12 บาท ส่วน 10 บาทยังมีขายเป็นทางเลือกให้ลูกค้าและรองรับการแข่งขัน คาดกำไรไตรมาส 4/67 จะโต q-q และ y-y และกำไรสุทธิปี 68 จะกลับมาโตแรง +74% y-y-y