นายณัฐวุฒิ จันทนะจุลพงศ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง (KTX) กล่าวว่า การบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจเพิ่มความเสี่ยงด้านการขาดดุลการคลัง และลดความต้องการในดอลลาร์สหรัฐและพันธบัตรรัฐบาลจากโอกาสกีดกันการค้าที่สูงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการอ่อนค่าของดอลลาร์และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯในระยะกลาง นักลงทุนจึงมองหาตลาดที่มีสัดส่วนหุ้นคุณค่าสูง ทดแทน ตลาดที่เติบโตสูง ดังเช่นสหรัฐฯ เพื่อลดผลกระทบดังกล่าว ซึ่งตลาดไทยและจีนตอบโจทย์ได้อย่างชัดเจน
โดยมุมมองการลงทุนปี 68 โดยชูหุ้นกลุ่มคุณค่า (Value) เป็นหัวใจสำคัญในการดึงดูดกระแสเงินทุนต่างชาติ พร้อมย้ำว่าตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะไทยและจีน มีศักยภาพสูงในการรองรับโอกาสการลงทุน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงจากนโยบายการคลังและการค้าของสหรัฐฯที่อาจส่งผลกระทบในวงกว้าง
สำหรับ หุ้นเด่นในกลุ่ม Value ปี 68 ที่น่าสนใจ
- หุ้นกลุ่มบริการและค้าปลีก : BDMS, CPN, CPALL ซึ่งมีพื้นฐานแข็งแกร่งและราคาหุ้นยังไม่สูงเกินไป
- หุ้นกลุ่มการเงิน: KBANK, SCB, TTB, KKP, BLA ที่ได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มนี้ตกเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ
ด้วยสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯที่อาจค้างระดับสูงยาวนาน หุ้นกลุ่มคุณค่าจึงยังมีโอกาสปรับตัวในระดับมูลค่าที่สูงขึ้น (Re-rating) ได้ดีกว่าหุ้นเติบโตสูงที่มีโอกาสปรับตัวในระดับมูลค่าที่ต่ำลง (De-rating) โดยเฉพาะในตลาดเอเชียที่มีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีโอกาสฟื้นตัวขึ้น และตอบสนองต่อกระแสเงินทุนที่เคลื่อนย้ายเข้าสู่ภูมิภาคนี้
"ตลาดไทยและจีนจึงกลายเป็นเป้าหมายหลักของนักลงทุนที่มองหาความมั่นคงในระยะยาว ทั้งในแง่ของความน่าสนใจด้านมูลค่าและโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว" นายณัฐวุฒิ กล่าว